วันศุกร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เครียดมั้ย?


สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งในวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ วันนี้วันเสาร์ อากาศที่รังสิตนี่สบายมากครับ อากาศยามเช้า เย็นสบาย และมีลมพัดมาตลอด เสียงกิ่งไม้เสียดสีกวัดแกว่งไปตามแรงลมดังมาเป็นระยะๆ บรรยากาศเหมาะกับการอยู่บ้านพักผ่อนจริงๆครับ หวังว่าทุกท่านคงมีความสุขในวันนี้ และกับทุกๆวันด้วยนะครับ

ที่จริงความสุขสามารถสร้างขึ้นได้ง่ายๆ จากความรู้ตัวและการอยู่กับปัจจุบันครับ คำพระท่านว่าอดีตก็ผ่านไปแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ปัจจุบันคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ถ้าเราไม่ไปกังวลกับอดีตหรือนึกถึงอนาคตมากเกินไป เราก็สามารถมีความสุขกับปัจจุบันได้ทันทีครับ ง่ายมากใช่ไหมครับ...

หลักพุทธศาสนา หรือศาสนาอะไรก็ตาม ต่างก็คล้ายคลึงกันตรงที่สอนให้เรามีสติ รู้ทันกาย ใจ ไม่มัวไปกังวลกับเรื่องต่างๆมากเกินไปนะครับ วันนี้ผมอยากพูดคุยเรื่องเบาๆกัน แต่สำคัญมากๆ สำหรับผู้ป่วย จริงๆแล้วก็สำคัญกับทุกๆคนเลยทีเดียวครับ ฝรั่งเค้าเขียนไว้ในหนังสือว่า "อยู่อย่างรู้ทัน" เขียนไว้ดังนี้ครับว่า การที่เรารู้ตัวว่าเราเป็นโรคที่รักษาไม่หายเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดความเครียดมากให้กับเรา (ที่จริงแล้ว คนที่ไม่ได้เป็นโรคนี้ทุกคนต่างก็มีความเครียดเหมือนกัน ต่างกันตรงรายละเอียดเท่านั้นนะครับ) ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของทั้งชีวิตเรานะครับ ดังนั้นถ้าอยากจะมีชีวิตที่มีความสุข เราต้องจัดการรับมือกับเจ้าความเครียดนี้ให้ได้ วิธีการก็มีหลายอย่าง เช่นเราอาจจะหากิจกรรมทำ โดยการออกกำลังกาย ฝึกโยคะ สวดมนต์ หรือนั้งสมาธิ เป็นต้น ทำอันไหนก็ดีทั้งหมดแหละครับ ขอให้เราลงมือทำก็แล้วกัน อย่ามัวแต่นึกนะครับ เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วและไม่เคยคอยใครเลยครับ นอกจากกิจกรรมต่างๆ แล้ว เรายังต้องเรียนรู้ที่จะไม่เก็บเอาความเครียด ความรู้สึกโกรธ น้อยใจ เสียใจที่ตัวเองไม่สบาย นี้ไว้กับตัวคนเดียวนะครับ เราควรที่จะพูดคุยอย่างเปิดเผยไม่ว่าจะกับคุณหมอ กับพ่อแม่พี่น้อง สามี ภรรยา ลูกหลานเป็นต้น คุยให้หมดครับ เราจะได้สบายใจ และที่สำคัญ เราทุกคนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกันครับ การที่เราไม่สบายย่อมส่งผลกับผู้คนรอบข้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่าเก็บเอาไว้คนเดียวครับ การเป็นโรคนี้ (หรือโรคอื่นๆ ก็ตาม) มันไม่ใช่เป็นความผิดครับ แต่มันคือโรค! มันคือโรคครับ เพราะฉะนั้นอย่าอายที่จะพูดคุยกับคนอื่น เราไม่ได้ไปทำความผิดอะไรที่ไหนมานี่ครับ

สำคัญที่สุด เราควรที่จะเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนวิกฤติหรือความกดดันเหล่านั้นให้เป็นพลังครับ ใช้อุปสรรคเหล่านั้นเปลี่ยนให้เป็นแรงผลักดันให้ชีวิตเราก้าวต่อไป...ยังมีเวลาอีกมากมายพอให้เราได้แสดงฝีมือ เรายังต้องก้าวไปข้างหน้าอีกนานครับ ขอให้ทุกคนมีพลานามัยที่สมบูรณ์ มีสติปัญญาที่พร้อมอยู่ตลอดเวลา และมีความเพียรที่บริสุทธิ์ตลอดไปครับ สวัสดีครับ...

1 ความคิดเห็น: