วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา...

สวัสดีครับ

วันนี้ไปหาหมอตามนัดมาครับ ก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังถึงผลการตรวจครับ ก็เพื่อจะได้เป็นความรู้สำหรับผู้ป่วยท่านอื่นๆเป็นหลักครับ วันนี้ผมไปพบหมอศัลยศาสตร์ทางเดินปัสสาวะตามนัดเพื่อจะไปฟังผลการตรวจอัลตร้าซาวด์และเอ็กซ์เรย์ทรวงอกซึ่งได้ทำไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วนั่นแหละครับ จริงๆ แล้วก็มีฟังผลของการตรวจเลือดเพื่อหาค่าการทำงานของไตด้วย สำหรับผลที่ออกมาก็ไม่ค่อยสวยเท่าไร คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนที่คุณหมอห้องตรวจอัลตร้าซาวด์บอกมาดูแล้วไม่ค่อยมีอะไรมาก คือทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม และผลค่าไตเมื่อคราวที่พบคุณหมอเบาหวานก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนัก แต่สำหรับวันนี้แล้ว ทุกอย่างมันดูเหมือนจะไม่ได้สวยงามอย่างนั้นเลยครับ ตรงกันข้ามคุณหมอผู้ตรวจรีบนัดให้มาทำ MRI ภายในสามเดือนเลยทีเดียวครับ...

สภาพภายในช่องท้องของผมตอนนี้มีซีสต์อยู่ที่ด้านบนของไตขวา (ลูกใหญ่ประมาณ 6*6 เซนติเมตร) และมีซีสต์ที่ตับอ่อนเหมือนเดิม แต่ที่ผมแอบอ่านผลตรวจเองเจออีกอย่างหนึ่งก็คือมี polyp (เดาว่าเป็นพวกติ่งเนื้อเล็กๆ) อยู่ที่ถุงน้ำดีครับ! ซึ่งอันนี้เองที่ทำให้ผมไม่ค่อยสบายใจ เพราะเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับความผิดปกติของร่างกายผมครับ ผมก็เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับถุงน้ำดีว่ามันทำหน้าที่อะไรบ้าง และจำเป็นแค่ไหนสำหรับร่างกายของเรา พบว่ามันทำหน้าที่เก็บน้ำดีที่ผลิตจากตับครับ ซึ่งก่อนทานอาหารมันจะโป่งและหลังจากทานอาหารแล้วมันจะแฟ่บ คงจะเป็นเพราะมันปล่อยน้ำดีให้เข้าไปย่อยไขมันจากการทานอาหารของเรานั่นเองครับ ซึ่งเค้าบอกว่าถึงแม้เราจะไม่มีถุงน้ำดี (เช่นถูกผ่าตัดทิ้งไป) ก็ไม่เป็นอะไรมาก คืออาจจะมีผลบ้างเล็กน้อย เช่นท้องเสียอะไรพวกนี้ครับ อ่านเสร็จผมก็เบาใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ทำให้รำคาญใจอยู่เหมือนกันครับ ก็อย่างที่เคยบอกไว้ว่าตอนนี้ผมมีปัญหาที่ตับอ่อนที่มีซีสต์เกาะและทำให้การผลิตน้ำย่อยไม่ค่อยสมบูรณ์นัก และนั่นก็ทำให้มีปัญหาท้องเสียบ่อยๆอยู่แล้ว แล้วนี่ยังมาเจอเจ้าติ่งเนื้อนี้ที่ถุงน้ำดีอีก อย่างนี้ก็คงไปกันใหญ่ ท้องเสียกันเป็นอาชีพเลยมั้งครับเนี่ย... โอย เหนื่อย...

ต่ออีกหน่อยครับ เมื่อคุณหมออ่านผลต่างๆแล้วก็อย่างที่บอก คุณหมอสั่งให้ทำ MRI ภายในสามเดือนครับ และให้ไปพบอาจารย์หมอธวัชชัย ทวีมั่นคงทรัพย์ ซึ่งเป็นแพทย์ที่ผ่าตัดไตผมต่อเลยทันทีครับ คงมีอะไรที่น่าเป็นห่วงแน่ๆเลย มีช่วงหนึ่งในขณะที่ตรวจอยู่ที่คุณหมอพูดถึงขนาดของซีสต์ที่ไตขวาแล้วก็ให้ดูภาพจาก MRI ตอนปี 53 ซึ่งมันใหญ่มาก แล้วผมก็ถามว่าตัดออกได้มั้ย คุณหมอบอกว่าตัดแล้วมันก็คงโตขึ้นมาอีก ตอนนี้ที่น่าห่วงก็คือกลัวว่าจะกลายเป็นเนื้องอกซึ่งนั้นก็อาจจะทำให้ต้องตัดไตขวาทิ้งไปอีก ก็จะเหลืออะไรล่ะครับ ผมก็คงต้องเข้ารับการล้างไตน่ะซีครับ แย่เลย ดังนั้นตอนนี้หลังจากที่อึ้งไปพักใหญ่ ผมก็มาตั้งสติว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปดีเพื่อจะให้มีชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข (ตามอัตภาพ)

ความคิดอย่างแรกที่ผุดขึ้นมาก็คือถ้าต้องตัดไตทิ้งก็ต้องยึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่บอกว่า "ยอมเสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต" ครับ ผมต้องยึดหลักธรรมนี้ให้ได้ก่อนเลย และความคิดต่อมาก็คือคงต้องหาวิธีรักษาไตให้ทำงานน้อยๆ ไม่หนักเกินไปครับ ความคิดที่ตามมาอีกอย่างก็คือทำอย่างไรจะทำให้ซีสต์มันยุบหายไป หรือคงที่อย่างนี้ไม่โตกว่านี้อีกไปตลอดชีวิต... ครับ ไม่ง่ายเลย ซึ่งจากที่กล่าวมาผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ตอนนี้เริ่มเข้าใจด้วยหัวใจตัวเองจริงๆแล้วสำหรับคำกล่าวที่ว่า "สัพเพ ธรรมา นาลัง อภินิเวสายะ" สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น...

เริ่มจะปล่อยวางแล้วจริงๆ ครับ

สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น