วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

ไม่ได้เจอกันนาน วันนี้ขอคุยเบาๆไปก่อนครับ

สวัสดีครับทุกท่าน

ผมไม่ได้เขียนบล็อกนานเลยช่วงนี้ หายไปสองสามอาทิตย์ติดกันเลยนะครับ ช่วงนี้มีธุระติดพันเยอะครับ ทำให้ไม่มีเวลาค้นข้อมูลเลย มีทั้งงานเลี้ยงที่ทำงาน มีทั้งต้องเร่งงานให้เสร็จทันส่งตามกำหนดเส้นตาย และอะไรอีกหลากหลายครับ ก็เลยหายไปนาน หายไปนานๆ อย่างนี้ก็กลัวว่าผู้อ่านหลายๆ ท่านจะเบื่อเหมือนกันนะครับ หลายท่านอาจจะแวะเข้ามาดูแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเพิ่มเติม ก็อย่าเพิ่งเบื่อเลยนะครับ เพราะจำนวนของคนอ่านนี่แหละครับที่ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะค้นคว้าหาข้อมูลมาเขียนต่อไปได้เรื่อยๆ ไม่งั้นหมดแรงแน่เลยครับ ที่สำคัญคือมันทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมพยายามหามามันคงมีประโยชน์กับหลายๆท่านบ้างไม่มากก็น้อย

สำหรับช่วงนี้หลังจากที่พี่สาวและลูกสาวผ่านมรสุมลูกใหญ่มาได้พักหนึ่งจากการผ่าตัดสมอง ก็เริ่มจะมีอะไรให้ทำต่ออีกแล้วครับ ลูกสาวต้องไปตรวจสมองหลังการผ่าตัด 1 เดือนในวันพฤหัสที่ 6 ต.ค.ที่จะถึงนี้ พอดีช่วงนี้ปิดเทอมก็เลยไม่ลำบากมากนักที่จะไปโรงพยาบาล จะเหนื่อยหน่อยก็ตรงที่ต้องรอคิวพบแพทย์ที่เข้าใจว่าคนไข้น่าจะเยอะเหมือนกัน แต่คิดไปแล้วการรอเท่านี้ก็ไม่หนักหนาเกินทนหรอกครับ เพราะสิ่งที่ได้ตอบแทนก็คือการรักษา คือสุขภาพของเราโดยตรงเลยทีเดียว สุขภาพที่ดี ไม่เจ็บป่วยผมมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนใฝ่หาใช่ไหมครับ ลองนึกถึงแค่ตอนที่เราเป็นไข้ธรรมดา แค่นั้นก็แย่แล้วนะครับ จะกินอะไรก็ไม่อร่อย ทำอะไรก็ไม่สบายตัวไปหมด ฉะนั้นการไม่มีโรคจึงเป็นลาภอันประเสริฐอย่างที่ท่านว่าจริงๆ

ตัวผมเองตอนนี้ยังเจ็บแผลผ่าตัดที่หน้าท้องอยู่เลย แผลผ่าตัดต่อมหมวกไตและไตด้วยครับ ทั้งสองแผลยังเจ็บๆ ตึงๆข้างในอยู่ บางครั้งก็รู้สึกเจ็บจี๊ดๆขึ้นมาเฉยๆ ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน ถ้านับเวลาตั้งแต่ผ่าตัด แผลแรกก็เก้าเดือนเข้าไปแล้ว ส่วนแผลที่สองก็ห้าเดือนแล้ว สงสัยต้องใช้เวลาเป็นปีแน่ๆ เลยนะครับ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จะมีอีกอย่างก็เรื่องเบาหวานครับ น้ำตาลสะสมยังไม่ยอมลง ตอนนี้หมอให้กินยา glipeside ตอนเช้าเพิ่มเป็นสองเม็ดแล้ว ตัวผมเองก็ตั้งใจจะเอาให้ลงให้ได้ ก็ต้องควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และไม่เครียด ฟังดูแล้วไม่ง่ายเลยนะครับ แค่ตื่นนอนขึ้นมาผมก็หิวแล้ว ขับรถไปทำงานรถก็ติด ก็เครียดอีก ทำงานก็ต้องใช้สมอง ก็หิวบ่อย และก็ต้องกินบ่อย ไม่กินก็จะน้ำตาลต่ำเกินไปอีก โอย...สารพัดนะครับ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินไป งั้นก็ลุยกันต่อไปครับ

อีกนิดก่อนจากกันวันนี้ น้องชายผมตอนนี้ก็เริ่มตรวจพบน้ำตาลในเลือดสูงแล้ว เป็นเบาหวานแล้วครับ น้ำตาลขึ้นสองร้อยกว่า อายุเพิ่งจะ 38 ปีเอง เป็นตามผมมาติดๆ ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะกรรมพันธุ์ครับ เพราะพ่อเป็นครับ ไปทำ MRI แล้ว ไม่พบเนื้องอกหรือซีสต์ในตับไตแต่อย่างไดครับ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็คือเบาหวานแหละครับ เป็นแล้วก็ต้องสู้กันต่อไป

ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง และอารมณ์ดีทุกคนนะครับ ยังไงอารมณ์ดีก็เป็นความสุขง่ายๆที่หาได้ทันทีนะครับ ก็เราทำเองนี่นา สวัสดีครับ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น