วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เนื้อคู่

สวัสดีอีกครั้งครับ

หายไปนานเลยถ้านับจากบทความตอนที่แล้ว ผมหายไปนานเพราะช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวนิดหน่อยครับ ปรับตัวเพื่อรับมือกับน้ำตาลในเลือดที่ยังคงสูงอยู่ครับ อันที่จริงก็ไม่ได้สูงเกินไปมากมายอะไรจากที่ผ่านๆมา แต่ที่เป็นปัญหาเพราะว่ามันสูงอยู่อย่างนั้นมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้วครับ ซึ่งล่าสุดที่ไปพบแพทย์และเจาะเลือดตรวจน้ำตาลปัจจุบันกับน้ำตาลสะสมก็พบว่าน้ำตาลปัจจุบันของวันนั้นอยู่ที่ 130 แต่น้ำตาลสะสมนี่สิครับ วัดได้ 8.4 ซึ่งอยู่ในระดับนี้มาระยะหนึ่งแล้ว หมอบอกว่าคุณอายุยังน้อย (41) ระดับน้ำตาลสูงอย่างนี้ไม่ดี ใช่แล้วครับ ผมทราบดีว่าระดับน้ำตาลที่สูงเป็นเวลานานๆ อย่างนี้จะทำให้มีโอกาสเป็นโรคอย่างอื่นตามมาได้อีกมากมาย ที่น่ากลัวมากๆ ก็คือโรคไตวายครับ ยิ่งตอนนี้ผมมีไตเหลืออยู่แค่ข้างเดียวด้วย ก็เลยต้องมีการปรับตัวกันหน่อย เลิกนิสัยขี้เกียจได้แล้ว ว่าแล้วผมก็ทำตัวใหม่ เดินออกกำลังกายและวิ่งเหยาะๆ ทุกคืนครับ ใช่แล้วทุกคืน ที่ออกกลางคืนก็เพราะว่าเลิกงานกลับบ้านค่ำครับ ก็เลยต้องหาเวลาออกกำลังกายหลังอาหารเย็น ก็ได้ผลบ้างแล้วนะครับ เพราะระดับน้ำตาลในเลือดตอนเช้าเดี๋ยวนี้วัดได้ที่ระดับร้อยต้นๆครับ ต่ำกว่า 120 ตลอด แถมบางวันก็ไม่ถึงร้อยด้วยซ้ำ

เอาละครับ มาเข้าเรื่องเนื้อคู่กันดีกว่าครับ พอดีไปเจอโพสต์บนเฟสบุ้คของฝรั่งคนหนึ่งที่เป็นโรค VHL บอกว่าแฟนของเธอรับไม่ได้ที่เธอเป็นโรคนี้และจะไม่ยอมทนอยู่กับเธอต่อไป... จากโพสต์ตรงนั้น ทุกคนที่เข้ามาแสดงความเห็นก็เห็นตรงกันว่า อย่าไปแคร์คนอย่างนั้นเลย เขาจะไม่ใช่คนที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเธอหรอก บางคนก็บอกว่าถ้าเขาจะอยู่กับเธอ เขาก็ต้องยอมรับในส่วนที่ไม่ค่อยจะดีของเธอด้วย คือต้องร่วมทุกข์ด้วย ไม่ใช่ร่วมแต่สุขอย่างเดียว บ้างก็บอกว่าเดี๋ยวเธอก็เจอคนที่ใช่ในอนาคตแน่นอน ไม่ต้องกลัว... หลากหลายความเห็นครับ

ตรงนี้ที่อยากเอามาบอกเล่ากันก็เพราะผมรู้สึกว่าคนไทยเราหลายคนอาจจะไม่คิดอย่างนั้น ก็อาจจะมีบ้างนะครับที่อาจจะคิดอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วผมเห็นว่าเรามักจะเห็นอกเห็นใจกันมากกว่า และโรคนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่แสดงอาการที่น่ากลัวมากนัก ส่วนใหญ่เราจะกลัวคำว่า มะเร็ง มากกว่าใช่ไหมครับ หลายๆคู่ก็ไม่ทราบหรอกครับว่าคู่ครองของตนเป็นโรคนี้ พอทราบทีหลังก็ร่วมกันสู้ต่อไป ฝรั่งหลายๆ คู่ก็เป็นอย่างนี้ครับ เค้าก็ร่วมทุกข์และร่วมสุขกันต่อไป เรื่องอย่างนี้มันก็คงแล้วแต่ความคิดของแต่ละคนครับ แต่ผมว่าชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรถ้าเรายอมรับมันและเรียนรู้มันด้วยจิตใจที่เข้มแข็งและมีสติ เราก็คงจะมีความสุขได้ตลอดเวลาครับ

สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น