วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2555

ขนาดไม่มีความรักแต่อะไรๆ ก็หวานไปหมด...



สวัสดีครับ วันนี้จะมาว่ากันเรื่องความรัก... ฮ่าๆ ซะเมื่อไหร่ จะมาเขียนถึงเรื่องของความหวานครับ ก็เรื่องของน้ำตาลในเลือดนั่นแหละครับ คือโรคของผมมันเกี่ยวข้องกับเบาหวานค่อนข้างมาก และก็อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ว่าน้ำตาลในเลือดเป็นอะไรที่ควบคุมยากมากๆ เราคงจะทราบกันมาว่าคนป่วยเบาหวานหลายๆคนต้องตัดนิ้วเท้าทิ้งเพราะเป็นแผลแล้วเนื้อเน่าอะไรอย่างนี้ใช่ไหมครับ สาเหตุของเนื้อเน่าหรือเนื้อตายก็เพราะว่าเลือดไม่สามารถจะไปหล่อเลี้ยงเซลล์ได้ดีเหมือนคนปกติครับ นั่นก็เพราะว่าเส้นเลือดแข็งตัว ไม่มีความยืดหยุ่น เนื่องจากเป็นเบาหวานมานานหลายปี พอเกิดมีบาดแผลก็เลยไม่สามารถกระจายเลือดที่มีทั้งสารอาหารและสารที่สำคัญต่อการรักษาตัวเองไปถึงได้ สุดท้ายเซลล์ก็ตาย... ก็ต้องตัดอวัยวะทิ้งนั่นแหละครับ น่ากลัวมาก...

ทีนี้ก็คงต้องมาว่ากันถึงเจ้าตัวร้ายที่ทำให้เป็นอย่างนั้น นั่นก็คือโรคเบาหวาน หรือระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติครับ (เกิน 120) ซึ่งผมเป็นมาหลายปีแล้ว สำหรับพี่น้องท้องเดียวกันกับผมนอกจากจะมีโอกาสเป็นเบาหวานเพราะกรรมพันธุ์จากพ่อแล้ว ยังมีโอกาสเป็นมากขึ้นจากโรค VHL ที่ถ่ายทอดมาจากแม่ซึ่งจะมีเนื้องอกไปเกาะแถวๆตับอ่อนอีกด้วย เจ้าเนื้องอกนี้จะไปขัดขวางการเดินทางของฮอร์โมนอินซูลินที่ผลิตได้จากตับอ่อนครับ ทำให้เป็นเบาหวานได้

การรักษาก็กินยาครับ หรือบางรายอาจจะต้องฉีดอินซุลิน และต้องควบคุมเรื่องการกินอาหารและต้องออกกำลังกายเพิ่มด้วย ไม่ง่ายเลยนะครับ โดยเฉพาะเรื่องของหวาน ก็ในเมื่อทุกอย่างที่เรากินในแต่ละวันล้วนแต่มีน้ำตาลทั้งนั้น ยกเว้นน้ำปลา กับน้ำเปล่า อ้อ เกลือด้วยครับ ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ ที่จริงก็ยังมีอาหารอีกหลายอย่างที่ไม่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ผมแค่เขียนเล่นๆ ให้ได้ความรู้สึกเท่านั้นเอง อารมณ์ก็ประมาณว่าจะหาอาหารที่ไม่ใส่น้ำตาลกินนี่มันยากเหลือเกิน อะไรก็หวานไปซะหมด ถ้ามัวแต่หานานก็ไม่ได้อีก ก็มันหิวนี่ครับ... น้ำตาลต่ำก็จะเป็นลมอีก โอย... สำหรับคนที่ไม่เป็นเบาหวานแต่อยากรู้อารมณ์ของคนที่เป็นก็ลองดูก็ได้ครับ ลองสักวันหนึ่งโดยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล หรือแป้งมากๆ เช่น กินข้าวน้อยๆ หรือกินก๋วยเตี๋ยวไม่ใส่น้ำตาล ดื่มน้ำเปล่า ไม่เอาน้ำอัดลมหรือน้ำส้มหรือน้ำผลไม้อะไรอื่นๆ ไม่กินไอติม ไม่กินขนม พยายามกินผักมากๆ อะไรประมาณนี้สักวันสองวันนะครับ เผื่อจะได้อารมณ์ของการอดหวานดูบ้าง... น่าสนุกนะครับ จะได้เป็นเพื่อนกันด้วย อ้อกาแฟก็ไม่ใส่นมไม่ใส่น้ำตาลนะครับ

อ่านบทความของศิริราชเกี่ยวกับเบาหวานกับโรคไตวายมาครับ เค้าบอกว่าคนที่เป็นเบาหวานเป็นเวลานานๆ อย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป (ส่วนใหญ่มากกว่า 15-20ปี) จะมีโอกาสเป็นโรคแทรกซ้อนที่ไตทำให้เป็นไตวายได้ครับ อาการก็จะเริ่มจากมีโปรตีนรั่วออกมากับปัสสาวะครับ ซึ่งถ้ามีอย่างนี้แล้วก็ไม่มีทางรักษาหาย มีแต่ชะลอได้เท่านั้นครับ แล้วถ้าไตวายก็ต้องตัดหรือตายเท่านั้นครับ น่ากลัวจริงๆ ต่อไปต้องระวังเรื่องอาหารแล้ว แต่ก่อนนี้ผมยังหลอกตัวเองให้กินไอติมหรือบัวลอยบ้าง แต่ต่อไปคงไม่แล้ว แล้วก็คงต้องออกกำลังกายมากขึ้นอีกด้วย ... เอ้า เอาก็เอา

ก่อนจากกันวันนี้ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง มีอารมณ์สนุกกับทุกเรื่องและทุกวันนะครับ ไอ้ที่มันทุกข์ๆ น่ะ ไม่มีสาระหรอกครับ อย่าเก็บเอามาเป็นอารมณ์อะไรเลย ... สวัสดีครับ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น