วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

ประสบการณ์ผ่าตัดต่อมหมวกไตขวาและไตซ้ายออก ตอนนี้เหลือไตขวาข้างเดียวครับ

ไตขวาข้างที่เหลืออยู่ก็ไม่สมบูรณ์ครับ เพราะมีเนื้องอกติดอยู่ด้วย แต่หมอยังไม่เอาออกเพราะว่าจะผ่าตัดลำบากและอาจจะเสี่ยงเกินไปที่จะตัดไตบางส่วนทิ้ง...ซึ่งถ้าเอาออกก็เหลือไตแค่ครึ่งอันครับ โอย...

เหตุการณ์เกิดขึ้นเริ่มจากในช่วงเย็นๆของวันที่ 12 พ.ย. 53 ครับ เย็นวันนั้นผมเพิ่งเดินทางถึงโรงแรมที่พักในอำเภอเถินจังหวัดลำปางเพื่อจะไปทอดกฐินในวันรุ่งขึ้นครับ อาการเริ่มจากเจ็บนิดๆที่บริเวณใต้ชายโครงขวา ซึ่งตอนแรกผมนึกว่าคงเป็นอาการปวดหลังปวดเอวธรรมดาเพราะเพิ่งขับรถมาจากรังสิตตั้งแต่เช้า แต่อาการปวดมันไม่ดีขึ้นเลยมิหนำซ้ำยังปวดมากขึ้นอีกทีละนิดๆ จนผมเริ่มเห็นว่ามันผิดปกติ เพราะผมรู้สึกหวิวๆ มึนๆ ร่วมด้วยนิดหน่อย คิดได้ดังนั้นผมจึงรีบอาบน้ำ เก็บข้าวของใส่กระเป๋าตามเดิม เพื่อจะไปโรงพยาบาลทั้งๆที่เพิ่งจะเช็คอินเข้าโรงแรมได้แค่สองสามชั่วโมงเท่านั้น โชคดีที่โรงพยาบาลประจำอำเภออยู่ใกล้โรงแรมมาก ผมขับรถไปโรงพยาบาลทันที แต่พอบอกอาการและเล่าประวัติให้พยาบาลและหมอฟังเท่านั้น ทางโรงพยาบาลก็จัดการส่งตัวผมไปโรงพยาบาลประจำจังหวัดทันทีครับ ถึงแม้จะเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดแต่เนื่องจากเป็นตอนกลางคืน (ตอนนั้นเวลาประมาณตี 1 แล้ว) แพทย์เวรมีไม่พอกับจำนวนคนไข้ที่ทยอยเข้ามากันอย่างต่อเนื่อง ญาติจึงตัดสินใจพาผมไปโรงพยาบาลของเอกชนเพื่อให้บรรเทาอาการปวดก่อน ซึ่งตอนนั้นมันปวดมากๆ ทางโรงพยาบาลฉีดยาระงับปวดให้พร้อมทั้งวางแผนการรักษาครับ แต่จากประวัติโรคของผมมันมีความยุ่งยากซับซ้อนของโรคมากครับ สุดท้ายจึงตัดสินใจมารักษาต่อที่โรงพยาบาลในกรุงเทพในวันรุ่งขึ้น ขณะนั้นยังไม่ทราบเลยครับว่าผมเป็นอะไรกันแน่ รู้แต่ว่ามันปวดท้องมาก และยาที่ได้รับก็คือยาฉีดบรรเทาอาการปวดเท่านั้น ผมเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลวิภาวดีครับ แต่หลังจากวินิจฉัยในระดับหนึ่งแล้ว ทีมแพทย์ลงความเห็นว่าควรจะมารักษาต่อที่ศิริราชจึงทำเรื่องส่งตัวต่อมาที่ศิริราชครับ ซึ่งที่นี่ทีมแพทย์ก็ทำงานกันอย่างหนัก มีทั้งแพทย์ต่อมไร้ท่อ แพทย์อายุรศาสตร์ที่เคยตรวจรักษาญาติและผมด้วย ศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ และอื่นๆ หลังจากตรวจเลือด ปัสสาวะ เอ็กซเรย์ท้อง ตรวจด้วยวีธีกลืนรังสีและเอ็กซเรย์ทั่วร่างกายซึ่งใช้เวลาไปอาทิตย์กว่าแล้ว แพทย์ก็นัดผ่าตัดครับ เนื่องจากว่าสิ่งที่ตรวจพบคือเนื้องอกจำนวนมากในต่อมหมวกไตขวา ซีสต์หลายก้อนทั้งขนาดเล็กและใหญ่ (ใหญ่สุดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 เซนติเมตร) ที่ไตขวา เนื้องอกและซีสต์อีกจำนวนมากที่ไตซ้าย ซึ่งที่ไตซ้ายนี้เองแสดงลักษณะคล้ายเนื้อร้าย (มะเร็ง)ด้วย แพทย์จึงนัดผ่าตัดในเดือนมกราคม ปี 54 ครับ โดยจะผ่าตัดเอาต่อมหมวกไตขวาออกก่อนจากนั้นจึงจะผ่าตัดไตซ้าย สำหรับอาการปวดท้องของผมก็เกิดเนื่องจากซีสต์ที่ไตขวาติดเชื้อครับ ซึ่งสุดท้ายแพทย์ก็ตัดออกไป แต่ก็ไม่สามารถเลาะเอาซีสต์ที่มีทั้งหมดออกไปได้ เพราะมันมีจำนวนเยอะมากเกินไปครับ พวกที่ยังมีขนาดไม่ใหญ่แพทย์จึงยังไม่ทำอะไร ซึ่งก็ไม่มีอันตรายอะไรครับ อย่างที่บอกครับว่าผมเป็นโรค VHL ซึ่งเนื้องอกและซีสต์เหล่านี้ก็เกิดจากโรคนี้เช่นกัน เพียงแต่ว่าบางครั้งมันก็สร้างขึ้นที่สมอง บางครั้งก็ที่ตับ ไต ที่ตา ที่ไขสันหลัง และที่อื่นๆ ได้อีก สำหรับเรื่องตาซึ่งผมได้รับการรักษาโดยการยิงเลเซอร์ผมจะเล่าในตอนหลังนะครับ นอกจากนั้นผมยังเป็นเบาหวานซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเป็นผลมาจากซีสต์ที่ตับอ่อนด้วยเนื่องจากมันอาจจะไปขัดขวางทางเดินของฮอร์โมนอินซูลินครับ
ผมเข้ารับการผ่าตัดเอาต่อมหมวกไตขวาออกในเดือนมกราคม ซึ่งก็ใช้เวลานอนพักที่โรงพยาบาล 8 วัน จากนั้นอีกสามเดือนต่อมาคือในเดือนเมษายนหลังกลับจากฉลองสงกรานต์ที่บ้านในต่างจังหวัดก็มาเข้ารับการผ่าตัดเอาไตซ้ายออกทั้งอันเนื่องจากเนื้องอกที่ไตซ้ายเกิดขึ้นในเนื้อไตเองจนไม่สามารถจะผ่าตัดเลาะเอาแต่เนื้องอกออกได้ ผลจากการตรวจชิ้นเนื้อที่ตัดออกพบว่ามันได้กลายเป็นมะเร็งไปแล้วครับ คราวนี้ผมพักอยู่ในโรงพยาบาล 7 วันครับ

ในความโชคร้ายผมยังมีความโชคดีแฝงอยู่ครับ คือยังโชคดีที่มะเร็งยังไม่ได้แพร่กระจายไปที่อวัยวะอื่นๆ ครับ เมื่อตัดออกแล้วจึงสบายใจมากๆ แต่ตอนนี้ก็กังวลครับว่าเหลือไตข้างเดียวแล้วต้องปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง แต่ผมก็พยายามครับคือ ออกกำลังกายให้ได้ทุกๆวัน เรื่องอาหารก็สำคัญมากแต่ก็ไม่ง่ายครับ เพราะผมต้องคุมน้ำตาลด้วย ถึงอย่างไรผมก็ทำเท่าที่จะทำได้ ได้แค่ไหนก็แค่นั้นครับ... ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดีและมีกำลังใจที่ดีทุกๆวันครับ สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น