สวัสดีตอนเช้าครับ วันนี้วันอาทิตย์กลางๆเดือนธันวา ใกล้ปีใหม่แล้วนะครับ หลายคนคงวางแผนไปเที่ยวปีใหม่กันแล้ว เห็นข่าวบอกว่าภาคเหนืออากาศเย็นมากแล้ว หลายที่มีน้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้งเกิดขึ้นบนยอดหญ้า น่าไปเที่ยวมากเลยนะครับ ปีใหม่ปีนี้นักท่องเที่ยวคงพากันแห่ไปเที่ยวเหนือกับอีสานกันอย่างคึกคักแน่ๆ ส่วนผมก็คงกลับบ้านไปหาพ่อแม่ที่เพชรบูรณ์เหมือนทุกปีที่ผ่านมาครับ อากาศที่บ้านก็หนาวเย็นเหมือนกัน ช่วงเดือนที่ผ่านมาที่บ้านก็เย็นมากครับ นอนตอนกลางคืนต้องห่มผ้าห่มนวมครับ พัดลมก็ไม่ต้องเปิด อากาศดีมาก เหมาะกับการหามันเทศมาเผากินท่ามกลางลมหนาวและดาวเดือนครับ
วันนี้ตั้งใจจะเอาคำที่พ่อเคยพูดให้ฟังอยู่เสมอๆ ในอดีตมาเล่าสู่กันฟังครับ พ่อเคยบอกว่าชีวิตเหมือนภาพยนตร์ที่สร้างไว้จบแล้ว... ฟังตอนแรกผมรู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วย และขัดใจมาก ตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่นอยู่ครับ เป็นนักเรียนมัธยม ความรู้สึกตอนนั้นก็คือ เราต้องเป็นผู้กำหนดชีวิตของเราสิ ใครจะมาสร้างไว้แล้วได้ยังไง?? ไม่ยอมเด็ดขาด...
แต่พอเวลาล่วงเลยมานานๆ ความรู้สึกนั้นก็เริ่มจะเอนๆ นิดๆ ไปในทางที่เริ่มให้น้ำหนักไปในทางเชื่อคำพูดนั้นมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เชื่อทั้งหมดหรอกครับ ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องเชื่อไม่เชื่ออะไร มันเป็นประมาณเรื่องของทัศนะคติในการใช้ชีวิตมากกว่า หลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นเราไม่รู้ว่าทำไมมันจึงเป็นอย่างนั้น ทำไมมันจึงเป็นอย่างนี้ บางคนอาจไปโทษกรรมเก่าครับ ในขณะที่บางคนก็บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เป็นอย่างนั้นเอง อย่างนี้เอง อันนี้ก็แล้วแต่แต่ละบุคคลครับ
จะยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ เมื่อสามสี่วันก่อนตอนค่ำๆขณะที่ผมขับรถกลับบ้านที่รังสิตคลองสาม ตอนรถติดอยู่ที่ถนนเลียบคลองซึ่งกำลังติดอยู่อย่างมาก แทบไม่ขยับเลยนั้นเอง ก็มีเด็กวัยประมาณอนุบาลหรืออย่างมากก็ป1 ขี่จักรยานคันเล็กๆ ตัดออกจากแถวรถยนต์ฝั่งที่จอดติดอยู่ออกไปอีกเลนที่รถว่างมากเพื่อจะข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ซึ่งผมเหลือบไปเห็นพอดีอยู่เยื้องๆ กับรถผมไปทางด้านหลัง ทันใดนั้นสิ่งที่ทำให้ผมแทบหัวใจหยุดเต้นก็เกิดขึ้นครับ มีรถมอเตอร์ไซค์ขับมาอย่างเร็วมากๆ แล้วก็ชนเด็กอย่างแรงทันทีตรงนั้นนั่นเอง ทั้งเด็กทั้งจักรยานและมอเตอร์ไซค์กระเด็นไปสี่ห้าเมตร ไปกองอยู่ใกล้ๆ กันตรงขอบถนนใกล้กันนั่นเองครับ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และอย่างเงียบๆ แล้วทุกอย่างก็นิ่งไปเฉยๆ เพราะไม่มีใครกระดุกกระดิกครับ ความรู้สึกผมตอนนั้นบอกไม่ถูกครับว่าเป็นอย่างไร... สุดท้ายรถของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งก็เข้ามาจัดการครับ นี่แหละครับเป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งที่เราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น... คงมีเหตุการณ์อีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวท่านเองหรือที่ได้พบเห็นมานะครับซึ่งไม่รู้ว่าจะอธิบายได้อย่างไรว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไม...
ผมพยายามจะเชื่อว่าเราเองเป็นผู้กำหนดชีวิตของเราเอง แต่หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นมันชัดเจนครับว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป... เรากำหนดได้บางส่วนเท่านั้น? หรือว่าไม่ได้เลย? ลองไปคิดกันต่อนะครับ สวัสดีครับ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น