วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ไปหาหมอเบาหวานวันนี้ - คนเยอะอย่างกับหนอน!
สวัสดีครับ วันนี้ไปพบหมอเบาหวานตามนัดที่ศิริราชมาครับ คนเยอะมากๆ แทบไม่มีที่ยืนเลยนะครับ ยิ่งเรื่องที่นั่งนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ถ้าหาเจอก็นับว่าโชคดีจริงๆ แต่ถึงแม้ว่าจะหาที่นั่งยากและผมใช้เวลาตั้งแต่ไปถึงโรงพยาบาลจนถึงได้รับยานับได้ 8 ชั่วโมงก็ตาม ผมก็แอบไปหาที่นั่งจนได้ครับ คือผมไปโรงพยาบาลบ่อยจนพอจะทราบว่าต้องรออะไรในขั้นตอนไหนนานแค่ไหน จึงรู้ว่าช่วงไหนจะหนีไปหาที่นั่งข้างนอกได้ และนานเท่าไร... ครับ ก็เลยไม่เมื่อยมาก แต่ช่วงยืนก็ต้องคอยหลบผู้คนที่เดินไปมา และเปลผู้ป่วยที่เจ้าหน้าที่เข็ญผ่านไปมานะครับ สภาพอย่างนี้น่าเห็นใจทั้งคนไข้และเจ้าหน้าที่ ทั้งหมอ พยาบาล ผู้ช่วยต่างๆ ไปจนถึงคนทำความสะอาดห้องน้ำเลยครับ ทุกคนเหนื่อยจริงๆ แต่ที่น่าประทับใจก็คือว่าผมเห็นเจ้าหน้าที่ทุกคนยิ้มแย้ม อารมณ์ดีกันหมดเลย ไม่มีใครเครียด ถึงแม้ว่าบางครั้งเจ้าหน้าที่จะต้องใช้เสียงดังมากในการจัดระเบียบคนไข้กับญาติที่มาใช้บริการก็ตาม ก็ไม่รู้สึกว่าถูกด่าหรือต่อว่าให้เสียอารมณ์อะไร ผมคิดว่าทางโรงพยาบาลคงจะมีวิธีการดูแลเจ้าหน้าที่ที่ดีมาก จนทำให้ทุกคนทำงานแบบเครียดแต่กาย แต่ใจมีแต่รอยยิ้ม ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ครับ คิดว่าคนอื่นก็คงรู้สึกอย่างผมเหมือนกัน คนก็เลยหลั่งไหลกันมาจากทั่วประเทศอยู่ตลอดเวลาเลยจริงๆ
วันนี้ผมไปตรวจน้ำตาลในเลือดและการทำงานของไต ต้องเจาะเลือดและเก็บปัสสาวะส่งตรวจด้วย ผลก็คือน้ำตาลสะสมในเลือดสูงขึ้นอีกครับ วัดได้ 8.6 ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะสูงมากเกินไปแล้ว ที่ผ่านมาตั้งใจจะลดแต่ก็ทำไม่ได้สักที เห็นทีคราวนี้คงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้แล้ว ผมยังไม่อยากต้องตัดนิ้วเท้าตอนอายุมากกว่านี้หรอกครับ... น่ากลัวมาก เพราะจะมีลักษณะคล้ายโดราเอมอนที่ไม่มีนิ้วนะครับ.. ฮ๋าๆ หมอก็เลยเพิ่มยาเบาหวานให้ ให้กินยา Glipizide เพิ่มอีกเม็ดก่อนอาหารเย็น ตอนนี้ก็เลยเป็นว่า กิน Miformin 850mg หลังอาหารเช้าเย็นมื้อละเม็ด Glipizide ก่อนอาหารเช้าเย็นมื้อละสองเม็ด และ Amlopine ยาลดความดันหลังอาหารเช้าอีกเม็ด เฮ้อ... กลัวไตจะพังก่อนนะสิครับ ยิ่งเหลือแค่ข้างเดียวอยู่ด้วย คราวนี้คงต้องเอาจริงแล้ว จะมามัวหยวนๆ กับพวกของหวาน ขนมปังอย่างเดิมคงไม่ได้แล้ว เพราะนี่คงไม่ค่อยน่าสนุกเท่าไรถ้าต้องตัดโน่นตัดนี่ทิ้งนะครับ
ส่วนเรื่องไตหมอไม่ได้บอกค่าไต หรือค่าการทำงานของไตครับ เพียงแต่ถามว่ากินน้ำน้อยมั้ย? ผมเลยเดาเอาว่าค่าไตอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วหมอก็ถามอีกว่าหมอรักษาไตนัดอีกเมื่อไหร่ ผมบอกไปว่านัดเดือนมกราปีหน้า ก็เดือนหน้านี่แหละครับ คือหมอห่วงว่าถ้าต้องตรวจเอ็กซ์เรย์ไตนั้นจะมีความยุ่งยากนิดนึง ผมไม่ได้ถามครับว่ายุ่งยากอย่างไร แต่เดาว่าคงเป็นเพราะต้องฉีดสีเข้าเส้นเลือดนั่นเอง ที่อาจจะมีผลต่อการขับออกของไต แล้วไตจะต้องทำงานหนักขึ้น เหมือนตอนที่พ่อผมจะต้องทำบอลลูนเส้นเลือดหัวใจนั่นแหละครับ ที่คุณหมอต้องระวังเรื่องการให้สารสีเข้าเส้นเลือดมากเป็นพิเศษ แต่พอผมบอกหมอว่านัดตรวจอัลตราซาวนด์ครับ ไม่ได้เอ็กซ์เรย์ คุณหมอก็เลยไม่ได้ว่ายังไงต่อ อ้อ หมอบอกว่าตามปกติถึงจะเหลือไตแค่ข้างเดียวแต่ก็ทำงานเหมือนมีสองข้างนะครับ
เบาหวาน แล้วก็กินยา แล้วก็ต้องระวังไต... เหนื่อยครับ แต่ก็ต้องลองดูสักตั้ง...
วันนี้พอตรวจเสร็จผมเอาช็อกโกแลตมาฝากคุณหมอด้วยครับ เพื่อเป็นการขอบคุณที่หมอได้ให้การรักษาดูแลมาอย่างยาวนาน ถึงตอนนี้ก็สิบปีได้แล้วครับ คุณหมอบอกว่าขนมเหรอ? หมออ้วนแล้วเนี่ย น้ำหนักขึ้นเป็น 70กิโลแล้ว ฮ่าๆ... ผมเห็นมีของฝากจากคนไข้เต็มชั้นหลังห้องตรวจคุณหมอเลย ทุกคนก็คงอยากตอบแทนหมอบ้างกระมังครับ เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี คือจะให้อะไรที่ใหญ่ๆ มีค่ามากๆ ก็คงไม่เหมาะ แค่อะไรที่เป็นการแสดงความขอบคุณก็น่าจะพอแล้ว แล้วผมก็มีช็อกโกแลตฝากเจ้าหน้าที่พยาบาลหน้าห้องด้วยเหมือนกัน รู้สึกขอบคุณน้องเค้าด้วย เห็นทำงานหนักมากมาตลอดเหมือนกัน พวกเราคนไข้ยังหลบไปโน่นไปนี่ได้ถ้าเหนื่อย แต่นี่หมอกับพยาบาลต้องนั่งอยู่ตรงนั้นจนกว่าคนไข้จะหมด ไม่ได้กิน ไม่ได้เข้าห้องน้ำกันเลยครับ น่าเห็นใจมาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกยกย่องในความเสียสละและอดทนมากครับ
ผมขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทุกคนอย่างจริงใจอีกครั้งครับ หัวใจพวกเค้าช่างยิ่งใหญ่จริงๆ.. สวัสดีครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น