วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555
การใช้สเต็มเซลล์ ในการรักษาแผลเบาหวาน
ภาพจาก nationalgeographic.com
สวัสดีครับ
วันนี้มาว่ากันต่อถึงเรื่องของการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาแผลเบาหวาน ย้ำนะครับว่าเป็นการรักษาแผลเบาหวานไม่ใช่รักษาโรคเบาหวาน การรักษาโรคเบาหวานยังอยู่ในระหว่างการศึกษาครับ หวังว่าคงจะมีข่าวดีเร็วๆนี้นะครับ เพราะคนที่เป็นโรคเบาหวานนั้นตอนนี้ก็มีความหวังอยู่กับการรักษาไม่กี่วิธี เช่น กินยา ฉีดอินซุลิน และการควบคุมอาหาร รวมทั้งการออกกำลังกายด้วย หลายๆครั้งเราก็จะเห็นแนวทางการรักษาโดยใช้ยาสมุนไพรหรือวิธีการอื่นๆอีกมากมาย แล้วแต่ความเชื่อและประสบการณ์ของแต่ละคนครับ สำหรับผมตอนนี้ก็ทานยาที่แพทย์ให้มาและออกกำลังกายครับ หวังว่าจะช่วยควบคุมน้ำตาลได้บ้าง แต่จะว่าไปช่วงนี้ไม่ได้วัดน้ำตาลมาหลายอาทิตย์แล้วเหมือนกันครับ
สำหรับเรื่องการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเพื่อซ่อมแซมและเสริมสร้างเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายนั้น มีการใช้แล้วในหลายๆโรคอย่างเช่นที่ได้เขียนไว้เมื่อวาน วันนี้จะมาเน้นเรื่องการรักษาแผลที่เกิดจากโรคเบาหวานครับ แผลซึ่งคนที่เป็นเบาหวานทุกคนกลัวกันมาก เพราะเราคงจะได้ยินมาหลายๆครั้งกันแล้วว่าหลายๆกรณีผู้ป่วยต้องถูกตัดอวัยวะ เช่น นิ้วมือ นิ้วเท้าเป็นต้นครับ ดังนั้นข่าวการรักษาด้วยวิธีนี้ได้จึงเป็นความหวังอย่างสำคัญสำหรับผู้ป่วยทุกคนครับ
ส่วนใหญ่แผลเบาหวานเรื้อรังจะเกิดกับผู้ป่วยสูงอายุครับ เนื่องจากว่าผู้สูงอายุมักจะเคลื่อนไหวเชื่องช้าจึงมีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บจากการใช้ชีวิตประจำวันนี่แหละครับได้ง่ายๆ เช่นการเปิดประตูแล้วมาโดนนิ้วเท้าเพราะชักเท้าหนีไม่ทัน หรือจากการเดินสะดุดเป็นต้น กรณีคุณพ่อผม (ยังไม่เป็นแผลเรื้อรัง) ครั้งนึงก็โดนมดตัวเล็กๆแดงๆมารุมกัดหลังเท้า มดเป็นหลายร้อยตัวเลยนะครับ แล้วพ่อก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอผมไปเห็นเท่านั้น ถึงกับตกใจ สะดุ้งเฮือกเลยครับ เพราะมันน่าสยดสยองมากที่เห็นมดมารุมกินหนังเท้าคุณพ่อ โชคดีที่ไปเห็นเร็ว ก็เลยมีแค่รอยถลอกๆ และวันเดียวก็หายเป็นปกติ
เข้าเรื่องเบาหวานต่อนะครับ การรักษาโดยใช้สเต็มเซลล์นี้จะต้องมีการป้องกันการติดเชื้อที่แผล การเพิ่มเลือดให้มาเลี้ยงแผล และการทานยารักษาระดับน้ำตาลไม่ให้เกิน 140 ร่วมด้วยครับ แล้วจึงจะมีการฉีดสเต็มเซลล์เพื่อให้สเต็มเซลล์นี้ไปทำหน้าที่ทดแทนเซลล์ที่เสียไป ซึ่งแผลก็จะหายได้สนิท แต่ถ้าเป็นแผลขึ้นมาใหม่อีกก็ต้องฉีดอีกนะครับ ไม่ใช่ครั้งเดียวจบเลย ปกติแผลจะหายในเวลาประมาณ 3 เดือนครับ แต่ถ้าเป็นแผลเล็กๆก็อาจจะแค่เดือนเดียว
สำหรับการได้มาของสเต็มเซลล์นี้ก็ได้จากการดูดจากเลือดที่แขนก็ได้ครับ โดยจะทำการกรองเอาสเต็มเซลล์เท่านั้น ส่วนน้ำเลือดที่เหลือก็ให้ไหลเวียนกลับเข้าไปคืนร่างกายของเราครับ สำหรับรายละเอียดคงไม่ได้ง่ายอย่างที่เขียนมานี้แน่ๆ ครับ คราวหน้าจะหามาเล่าให้ฟังใหม่ครับ
นอกจากนี้การใช้เทคนิกสเต็มเซลล์ในการรักษาโรคยังใช้กับโรคอื่นๆ (เพิ่มเติมจากเมื่อวาน) อีก เช่นรักษาโรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาว (รูคีเมีย) โดยการปลูกถ่ายไขกระดูก โรคหัวใจ โรครูมาตอยด์ โรคด้านสมอง โรคด้านไขสันหลัง เป็นต้น
และที่สำคัญมากๆ คือที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นที่แรกในโลกที่ใช้รักษาโรคทารัสซีเมีย (โลหิตจาง) ได้
เห็นมั้ยครับว่าคนไทยเราเก่งมากแค่ไหน โดยเฉพาะทางการแพทย์นะครับ ถ้าติดตามข่าวอยู่เรื่อยๆ ก็คงจะเห็นข่าวความก้าวหน้าทางการแพทย์ของไทย โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลศิริราชอยู่บ่อยๆนะครับ
พบกันใหม่เกี่ยวกับสเต็มเซลล์กันคราวหน้าครับ สวัสดีครับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น