สวัสดีครับ
วันนี้ขออนุญาตนำคำสอนของท่านพุทธทาสซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 ข้อของคำปฏิญาณของพุทธมามกะ มาแชร์ให้อ่านกันไว้ตรงนี้ครับ สำหรับข้ออื่นๆนั้นถ้ามีโอกาสคราวหน้าผมจะเอามาลงไว้ แต่สำหรับวันนี้ขอเอาข้อนี้มาลงไว้ก่อนนะครับ
ข้อ 6 พุทธมามกะเชื่อว่ามนุษย์แต่ละคนล้วนมีกรรม หรือการกระทำของตนเองเป็นเครื่องอำนวยความสุขและความทุกข์ แล้วแต่ว่าเขาได้ทำไว้อย่างไรในขณะที่แล้วมา ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง เป็นเครื่องปรุงแต่งตัวเอง บังคับความเป็นไปได้ของตัวเองโดยเด็ดขาด จนกล่าวได้ว่า เรามีกรรมนั่นแหละเป็นตัวเราเอง ถ้าเขาอยากมีหรืออยากอยู่ในโลกที่งดงาม เขาก็ต้องทำดี กรรมดีโดยส่วนเดียว ถ้าเขาเบื่อต่อการเป็นอยู่ในโลกทุกๆแบบ เขาก็มีวิธีทำให้จิตใจของเขาสูงพอที่จะไม่ทำอะไรๆ ให้เป็นกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้นมาได้ และอยู่เหนือกรรมโดยประการทั้งปวง ผู้ที่ทำกรรมชั่วไว้ จักต้องได้รับโทษหรือมีการทำคืนที่สมควรแก่กันเสียก่อน จึงจะพ้นจากกรรมชั่วนั้น เว้นเสียแต่เขาได้ทำกรรมดีมากอีกทางหนึ่ง ถึงกับช่วยให้เขามีจิตใจสูง พ้นอำนาจของกรรมไปเสียก่อนที่มันจะให้ผลได้.
ขอให้มีความสุขและสงบกันทุกคนนะครับ สวัสดีครับ
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556
เที่ยวทะเล
สวัสดีครับ
ผมเพิ่งกลับจากไปเที่ยวเกาะช้างมาเมื่อวานนี้เองครับ ลาพักร้อนไปกับครอบครัว ไปทะเลคราวนี้รู้สึกมีความสุขครับ ได้เปลี่ยนบรรยากาศ หนีออกจากตึกและรถไปหาภูเขา ทะเล และปลาตัวเล็กๆดูบ้าง เป็นความสุขแบบง่ายๆ สบายๆที่ทำให้ไม่อยากกลับมาสู่ตึกสี่เหลี่ยมและรถที่วิ่งกันเต็มถนนอีกเลย... ไปเที่ยวนี้พักกันที่หาดไก่แบ้ครับ มีหาดส่วนตัวเล็กๆ สงบๆ อยู่นิดหน่อย ได้ลงไปลอยน้ำดูปะการังที่มีรูปร่างคล้ายๆเห็ดหูหนูเต็มไปหมด มีปลาสวยงามถึงไม่มากนักแต่ก็ทำให้เพลิดเพลินได้ไม่น้อยเลยนะครับ ผมใช้แว่นตาว่ายน้ำแบบที่ใช้ในสระน้ำนี่แหละครับ ดูปลาในทะเลย แทบไม่ต้องใช้เสื้อชูชีพตัวก็ลอยได้สบายๆ (เพราะน้ำทะเลมันเค็มครับ ความหนาแน่นสูงด้วย) น้ำก็ตื้นด้วย คลื่นก็ไม่แรง ก็เลยลอยดูปลาจนลืมความร้อนของแดดที่เผาแผ่นหลังอยู่ไปเลย มารู้ตัวอีกทีว่าแดดแรงก็ตอนเย็นๆเวลาอาบน้ำที่ผ้าเช็ดตัวไปโดนนั่นแหละครับ มันแสบๆ ก็เลยรู้ว่าโดนแดดเผาไปเยอะเหมือนกัน
ได้ว่ายน้ำนานๆ แล้วก็พายเรือคายัคไปที่เกาะเล็กๆที่เห็นในภาพด้วย ก็เลยทำให้ได้ออกกำลังกายเยอะเหมือนกันครับ คืนนั้นก็เลยหลับสบายมาก ก่อนหน้านั้นจะตื่นตลอดเพื่อลุกมาเข้าห้องน้ำหรือแค่รู้สึกตัวเฉยๆ แต่พอเหนื่อยมากๆก็หลับสบายครับ รวดเดียวเลย จริงๆวันนี้ตั้งใจจะหาข้อมูลทางวิชาการที่มีคนเขียนไว้เรื่องการนอนมาให้อ่านกัน แต่พออ่านๆไปก็รู้สึกว่าไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ก็เลยไม่เอามาครับ จริงๆแล้วเรื่องการนอนผมว่าทุกคนก็พอจะทราบกันบ้างแล้วว่ามันควรเป็นอย่างไร และการนอนไม่ค่อยหลับมีผลต่อร่างกายอย่างไร มีคนเขียนไว้มากครับ ลองไปหาอ่านกันได้ทั่วไป สำหรับผมก็คงเอาแค่นี้ที่บอกว่าพอเหนื่อยมากเราก็หลับสบายครับ แต่ก็อาจจะไม่แน่เสมอไปครับ อาจจะต้องอาศัยสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย หรือคงต้องอารมณ์ดีด้วย ถ้าเราไม่เครียด รู้สึกผ่อนคลายด้วย ก็คงหลับสบายนะครับ
หน้าร้อนก็เที่ยวให้สนุกแบบหน้าร้อนได้ แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
ผมเพิ่งกลับจากไปเที่ยวเกาะช้างมาเมื่อวานนี้เองครับ ลาพักร้อนไปกับครอบครัว ไปทะเลคราวนี้รู้สึกมีความสุขครับ ได้เปลี่ยนบรรยากาศ หนีออกจากตึกและรถไปหาภูเขา ทะเล และปลาตัวเล็กๆดูบ้าง เป็นความสุขแบบง่ายๆ สบายๆที่ทำให้ไม่อยากกลับมาสู่ตึกสี่เหลี่ยมและรถที่วิ่งกันเต็มถนนอีกเลย... ไปเที่ยวนี้พักกันที่หาดไก่แบ้ครับ มีหาดส่วนตัวเล็กๆ สงบๆ อยู่นิดหน่อย ได้ลงไปลอยน้ำดูปะการังที่มีรูปร่างคล้ายๆเห็ดหูหนูเต็มไปหมด มีปลาสวยงามถึงไม่มากนักแต่ก็ทำให้เพลิดเพลินได้ไม่น้อยเลยนะครับ ผมใช้แว่นตาว่ายน้ำแบบที่ใช้ในสระน้ำนี่แหละครับ ดูปลาในทะเลย แทบไม่ต้องใช้เสื้อชูชีพตัวก็ลอยได้สบายๆ (เพราะน้ำทะเลมันเค็มครับ ความหนาแน่นสูงด้วย) น้ำก็ตื้นด้วย คลื่นก็ไม่แรง ก็เลยลอยดูปลาจนลืมความร้อนของแดดที่เผาแผ่นหลังอยู่ไปเลย มารู้ตัวอีกทีว่าแดดแรงก็ตอนเย็นๆเวลาอาบน้ำที่ผ้าเช็ดตัวไปโดนนั่นแหละครับ มันแสบๆ ก็เลยรู้ว่าโดนแดดเผาไปเยอะเหมือนกัน
ได้ว่ายน้ำนานๆ แล้วก็พายเรือคายัคไปที่เกาะเล็กๆที่เห็นในภาพด้วย ก็เลยทำให้ได้ออกกำลังกายเยอะเหมือนกันครับ คืนนั้นก็เลยหลับสบายมาก ก่อนหน้านั้นจะตื่นตลอดเพื่อลุกมาเข้าห้องน้ำหรือแค่รู้สึกตัวเฉยๆ แต่พอเหนื่อยมากๆก็หลับสบายครับ รวดเดียวเลย จริงๆวันนี้ตั้งใจจะหาข้อมูลทางวิชาการที่มีคนเขียนไว้เรื่องการนอนมาให้อ่านกัน แต่พออ่านๆไปก็รู้สึกว่าไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ก็เลยไม่เอามาครับ จริงๆแล้วเรื่องการนอนผมว่าทุกคนก็พอจะทราบกันบ้างแล้วว่ามันควรเป็นอย่างไร และการนอนไม่ค่อยหลับมีผลต่อร่างกายอย่างไร มีคนเขียนไว้มากครับ ลองไปหาอ่านกันได้ทั่วไป สำหรับผมก็คงเอาแค่นี้ที่บอกว่าพอเหนื่อยมากเราก็หลับสบายครับ แต่ก็อาจจะไม่แน่เสมอไปครับ อาจจะต้องอาศัยสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย หรือคงต้องอารมณ์ดีด้วย ถ้าเราไม่เครียด รู้สึกผ่อนคลายด้วย ก็คงหลับสบายนะครับ
หน้าร้อนก็เที่ยวให้สนุกแบบหน้าร้อนได้ แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556
เราก็อยู่กับโรคอย่างมีความสุขได้เหมือนกันนะ
ภาพดอกเฟื่องฟ้าที่ The Maze Resort เขาใหญ่
สวัสดีตอนเช้าครับ
วันนี้ผมลาพักร้อนครับ ไม่ต้องไปทำงานก็เลยมีโอกาสหาข้อมูลมาเขียนให้อ่านกันอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ผมหายไปนานเหมือนกัน รู้ตัวดีครับว่าขี้เกียจไปหน่อย ใจจริงแล้วอยากหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้อ่านกันอยู่เรื่อยๆและต่อเนื่องเหมือนกันครับ แต่เพราะว่าโรคนี้ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มียารักษา ยังต้องหาทางกันต่อไป ข้อมูลที่พอจะหาได้ก็จะเป็นพวกการศึกษาวิจัยกันซะเป็นส่วนใหญ่ และทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศัพท์และความรู้ทางเทคนิกหรือทางการแพทย์ซะด้วย ซึ่งผมก็ไม่ถนัดอีกนั่นแหละครับ หลายๆครั้งก็เลยต้องว่างไป ไม่มีอะไรมาเขียนกัน
สำหรับวันนี้ก็มีเรื่องธรรมดาเป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวสำหรับคนที่เป็นโรคนี้น่ะครับ เคยเขียนไปเมื่อนานมาแล้ว คราวนี้ก็แค่เอามาทบทวนกันอีกครั้งครับ เรื่องพวกนี้เอามาคุยกันบ่อยๆที่จริงก็ดีเหมือนกัน มีแต่ประโยชน์ครับ ไม่มีโทษครับ รับรอง .. ฮ่าๆ
เค้าบอกว่าโรคนี้ถึงแม้จะยังไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้และเราต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต (อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีการค้นพบวิธีการรักษา) แต่เราก็มีวิธีรับมือกับมันได้ครับ นั่นก็คือปรับรูปแบบการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันนั่นเองครับ ต้องอยู่กับมันอย่างมีความสุขครับ ทำได้โดยการปรับตัวนิดหน่อยครับ คำแนะนำหลักก็คือ ต้องทำร่างกาย (physical) จิตใจ (mental) และวิญญาณ (spiritual)ให้แข็งแรงครับ จิตใจกับวิญญาณมันแยกกันนะครับ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ถ้าเราเป็นโรคทางจิตใจ เราคงต้องไปหาหมอโรคประสาทครับ แต่โรคทางวิญญาณนั้นต้องใช้ธรรมะเท่านั้นในการรักษา ซึ่งธรรมะที่ว่านี้จะเป็นของศาสนาใดก็ได้นะครับ ไม่จำกัด ศาสนาที่ท่านนับถืออยู่นั่นแหละครับ ดีหมดเลย
ทีนี้ทางร่างกายนี้ก็ง่ายครับ (แต่อาจจะทำยากหน่อย) เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ออกกำลังกายไม่ยากหรอกครับ บางคนบอกว่าแค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกายแล้ว อันนั้นก็จริงอยู่ครับ แต่ผมว่าเราควรออกกำลังกายแบบที่มันควรจะเป็นดีกว่านะครับ (เพราะถ้าแค่ขยับนิ้วมันคงไม่ช่วยเท่าไหร่...) เพื่อตัวเราไงล่ะ เช่นเดินเร็วอย่างต่อเนื่องสักวันละ 30 นาทีอะไรอย่างนี้เป็นต้น นอกจากออกกำลังกายแล้ว การกินอาหารก็ต้องมีหลักการด้วย กินเนื้อแดงให้น้อยครับ และกินผักเยอะๆ แต่กินผักเยอะๆนี่หลายๆคนก็ไม่ชอบ ก็เลยเห็นเดี๋ยวนี้มีการหาวิธีเอาผักเข้าร่างกายกันหลากหลายรูปแบบ ทั้งโฆษณาเครื่องดื่มไฟเบอร์ น้ำผักผลไม้ หรือเครื่องปั่นผัก-ผลไม้ ก็มากมายครับ ลองดูก็แล้วกันครับ ว่าชอบแบบไหน แต่สำหรับผมชอบผักต้มจิ้มน้ำพริกครับ อร่อยที่สุดในโลกมนุษย์สวยๆใบนี้เลยทีเดียว ฮ่าๆ (อร่อย มีโปรตีน วิตามิน ไขมันน้อยมาก ได้เส้นใยอาหาร... และอีกสารพัดประโยชน์)
นอกจากนี้ต้องระมัดระวังเรื่องเครื่องดื่มด้วยครับ อย่าดื่มพวกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากนัก โดยเฉพาะอย่าดื่มเพื่อลืมเธอหรือหนีปัญหาชีวิตครับ อันนี้ไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะนอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังทำลายสุขภาพด้วย กำลังใจที่เข้มแข็งและสติปัญญาเท่านั้นที่จะช่วยเราให้ออกจากปัญหาทุกอย่างได้ พวกเครื่องดื่มหวานๆก็ไม่ควรดื่มมากเช่นกันครับ อันนี้ทุกท่านคงทราบกันดี และไม่ควรสูบบุหรี่ด้วย ขับรถก็อย่าประมาท (อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพอย่างไร แต่เว็บภาษาอังกฤษเค้าเขียนไว้ครับ) และที่สำคัญอย่าลืมหาความรู้เกี่ยวกับการป้องกันมะเร็งอยู่เสมอๆนะครับ อันนี้สำคัญครับเพราะคนที่เป็นโรคนี้มักจะมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ง่าย โดยเฉพาะที่ไต ดังนั้นการทำตัวเองให้มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี อย่างเช่นหลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด มันจัด ปิ้ง ย่างที่โดนควันเยอะๆ อาหารที่ไหม้เกรียม หรือพวกหมักดองอะไรอย่างนี้ครับ ที่จริงทุกท่านก็คงทราบกันดีอยู่แล้ว ยังไงก็อย่าลืมทำด้วยนะครับ ไม่ใช่เพื่อใครหรอกครับ เพื่อตัวเราและคนที่เรารัก และคนที่รักเราด้วยไงล่ะครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
สวัสดีตอนเช้าครับ
วันนี้ผมลาพักร้อนครับ ไม่ต้องไปทำงานก็เลยมีโอกาสหาข้อมูลมาเขียนให้อ่านกันอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ผมหายไปนานเหมือนกัน รู้ตัวดีครับว่าขี้เกียจไปหน่อย ใจจริงแล้วอยากหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้อ่านกันอยู่เรื่อยๆและต่อเนื่องเหมือนกันครับ แต่เพราะว่าโรคนี้ถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มียารักษา ยังต้องหาทางกันต่อไป ข้อมูลที่พอจะหาได้ก็จะเป็นพวกการศึกษาวิจัยกันซะเป็นส่วนใหญ่ และทั้งหมดก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศัพท์และความรู้ทางเทคนิกหรือทางการแพทย์ซะด้วย ซึ่งผมก็ไม่ถนัดอีกนั่นแหละครับ หลายๆครั้งก็เลยต้องว่างไป ไม่มีอะไรมาเขียนกัน
สำหรับวันนี้ก็มีเรื่องธรรมดาเป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวสำหรับคนที่เป็นโรคนี้น่ะครับ เคยเขียนไปเมื่อนานมาแล้ว คราวนี้ก็แค่เอามาทบทวนกันอีกครั้งครับ เรื่องพวกนี้เอามาคุยกันบ่อยๆที่จริงก็ดีเหมือนกัน มีแต่ประโยชน์ครับ ไม่มีโทษครับ รับรอง .. ฮ่าๆ
เค้าบอกว่าโรคนี้ถึงแม้จะยังไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้และเราต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต (อย่างน้อยก็จนกว่าจะมีการค้นพบวิธีการรักษา) แต่เราก็มีวิธีรับมือกับมันได้ครับ นั่นก็คือปรับรูปแบบการปฏิบัติตัวในชีวิตประจำวันนั่นเองครับ ต้องอยู่กับมันอย่างมีความสุขครับ ทำได้โดยการปรับตัวนิดหน่อยครับ คำแนะนำหลักก็คือ ต้องทำร่างกาย (physical) จิตใจ (mental) และวิญญาณ (spiritual)ให้แข็งแรงครับ จิตใจกับวิญญาณมันแยกกันนะครับ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ถ้าเราเป็นโรคทางจิตใจ เราคงต้องไปหาหมอโรคประสาทครับ แต่โรคทางวิญญาณนั้นต้องใช้ธรรมะเท่านั้นในการรักษา ซึ่งธรรมะที่ว่านี้จะเป็นของศาสนาใดก็ได้นะครับ ไม่จำกัด ศาสนาที่ท่านนับถืออยู่นั่นแหละครับ ดีหมดเลย
ทีนี้ทางร่างกายนี้ก็ง่ายครับ (แต่อาจจะทำยากหน่อย) เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ออกกำลังกายไม่ยากหรอกครับ บางคนบอกว่าแค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกายแล้ว อันนั้นก็จริงอยู่ครับ แต่ผมว่าเราควรออกกำลังกายแบบที่มันควรจะเป็นดีกว่านะครับ (เพราะถ้าแค่ขยับนิ้วมันคงไม่ช่วยเท่าไหร่...) เพื่อตัวเราไงล่ะ เช่นเดินเร็วอย่างต่อเนื่องสักวันละ 30 นาทีอะไรอย่างนี้เป็นต้น นอกจากออกกำลังกายแล้ว การกินอาหารก็ต้องมีหลักการด้วย กินเนื้อแดงให้น้อยครับ และกินผักเยอะๆ แต่กินผักเยอะๆนี่หลายๆคนก็ไม่ชอบ ก็เลยเห็นเดี๋ยวนี้มีการหาวิธีเอาผักเข้าร่างกายกันหลากหลายรูปแบบ ทั้งโฆษณาเครื่องดื่มไฟเบอร์ น้ำผักผลไม้ หรือเครื่องปั่นผัก-ผลไม้ ก็มากมายครับ ลองดูก็แล้วกันครับ ว่าชอบแบบไหน แต่สำหรับผมชอบผักต้มจิ้มน้ำพริกครับ อร่อยที่สุดในโลกมนุษย์สวยๆใบนี้เลยทีเดียว ฮ่าๆ (อร่อย มีโปรตีน วิตามิน ไขมันน้อยมาก ได้เส้นใยอาหาร... และอีกสารพัดประโยชน์)
นอกจากนี้ต้องระมัดระวังเรื่องเครื่องดื่มด้วยครับ อย่าดื่มพวกเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากนัก โดยเฉพาะอย่าดื่มเพื่อลืมเธอหรือหนีปัญหาชีวิตครับ อันนี้ไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะนอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังทำลายสุขภาพด้วย กำลังใจที่เข้มแข็งและสติปัญญาเท่านั้นที่จะช่วยเราให้ออกจากปัญหาทุกอย่างได้ พวกเครื่องดื่มหวานๆก็ไม่ควรดื่มมากเช่นกันครับ อันนี้ทุกท่านคงทราบกันดี และไม่ควรสูบบุหรี่ด้วย ขับรถก็อย่าประมาท (อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพอย่างไร แต่เว็บภาษาอังกฤษเค้าเขียนไว้ครับ) และที่สำคัญอย่าลืมหาความรู้เกี่ยวกับการป้องกันมะเร็งอยู่เสมอๆนะครับ อันนี้สำคัญครับเพราะคนที่เป็นโรคนี้มักจะมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ง่าย โดยเฉพาะที่ไต ดังนั้นการทำตัวเองให้มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี อย่างเช่นหลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด มันจัด ปิ้ง ย่างที่โดนควันเยอะๆ อาหารที่ไหม้เกรียม หรือพวกหมักดองอะไรอย่างนี้ครับ ที่จริงทุกท่านก็คงทราบกันดีอยู่แล้ว ยังไงก็อย่าลืมทำด้วยนะครับ ไม่ใช่เพื่อใครหรอกครับ เพื่อตัวเราและคนที่เรารัก และคนที่รักเราด้วยไงล่ะครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
ไปหาหมอมา ผล MRI ในท้องยังเต็มไปด้วยซีสต์เหมือนเดิม
ภาพซุ้มประตูแบบบาหลี ถ่ายที่ Aman Mini, Jakarta, Indonesia
สวัสดีครับ
วันนี้ผมไปหาหมอที่ศิริราชเพื่อรับฟังผลตรวจ MRI ช่องท้องส่วนบนและไต ที่ทำไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ ผลทุกอย่างไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ดูเหมือนจะมีแค่ซีสต์บางก้อนที่โตขึ้นนิดหน่อย ก้อนที่โตสุดมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7.5 ซ.ม.ครับ ก็เป็นลูกกลมๆ มีลักษณะเป็นถุงน้ำใสๆ หมอบอกว่าไม่น่าห่วง จะน่าห่วงก็ต่อเมื่อถ้ามันมีก้อนเนื้อข้างในครับ วันนี้ก็เลยกลับบ้านอย่างสบายใจอีกครั้ง
สำหรับก้อนซีสต์ที่ว่านี้ในท้องผมมีเยอะแยะเลยครับ ที่ตับอ่อน (pancreas) นั้นมีถุงซีสต์เล็กๆนี้อยู่เต็มทั่วทั้งตับอ่อนเลย ส่วนที่ไตก็มีกระจัดกระจาย ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ซึ่งตอนนี้ถึงแม้จะมีอยู่เยอะแต่ก็ไม่มีผลอะไรต่อร่างกายนัก เจ้าตัวที่เคยมีปัญหาก็จัดการไปหมดแล้ว อย่างเช่นที่ต่อมหมวกไตข้างขวาที่ทำให้เกิดความดันสูงขึ้น (และความดันในอารมณ์ที่แปรปรวนด้วย) ก็ถูกตัดทิ้งไปทั้งต่อมหมวกไตทั้งซีสต์เลย ส่วนที่ไตซ้ายที่กลายเป็นเนื้อร้ายก็เช่นกัน ตัดไปทั้งไตเลยครับ ตอนนี้ก็เลยมาคอยประคับประคองไตขวาให้ทำงานดีๆและอยู่กับเราไปนานๆครับ
เล่าเรื่องการไปตรวจสักหน่อยก็ดีนะครับ วันนี้ผมไปถึงโรงพยาบาลแต่เช้าหกโมงนิดๆครับ ที่จอดรถตรงท่าน้ำยังพอมีอยู่ แต่ก็ต้องไปจอดติดริมท่าน้ำเลย ก็เดินไกลนิดหน่อย ค่าจอด 40บาทครับ จอดได้ทั้งวัน ราคาเดียว ไปยื่นบัตรนัดก่อนเลยครับ อันนี้ห้ามลืม เพราะไม่อย่างนั้นเราจะต้องรอนานมากถึงแม้ว่าคิวจะเป็นตอนเช้าๆก็ตาม เพราะคนไข้เยอะครับ ผมเคยลืมเหมือนกันครับ ทำให้ต้องนั่งรอนานเลยกว่าจะรู้ตัว... (ฮ่าๆ เรื่องอย่างนี้ไม่ควรลืมหรอก แต่ก็เคยลืมไปแล้ว...) หลังจากยื่นบัตรแล้วก็ไปทานอาหารเช้าครับ ผมไปร้านติดแอร์ที่อยู่ใกล้ๆตึกผะอบครับ ถ้าใครไปโรงพยาบาลแล้วไม่อยากไปที่โรงอาหารกลางก็ไปร้านนี้ได้ครับ มีโจ๊ก มีข้าวมันไก่ ข้าวแกง และกาแฟอร่อยๆด้วยครับ ราคาก็ไม่ได้แพงอะไรเกินไปครับ หลังจากนั้นก็ไปรับผลตรวจ MRI ที่ห้องชั้นพื้นดิน อาคารผู้ป่วยนอก แล้วก็ขึ้นไปนั่งรอคิวเรียกชื่อเข้าตรวจที่หน้าห้อง 300 ชั้นสามครับ ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ก็จะประกาศให้คนไข้ไปวัดความดันกับชั่งน้ำหนักก่อน วันนี้ความดันปกติดีครับ (กินยาความดันอยู่ทุกเช้า วันละเม็ด) แล้วก็เรียกให้ไปนั่งรอหน้าห้องตรวจ คุณหมอออกตรวจตอนประมาณ 9 โมงเช้าครับ นั่งรอประมาณหนึ่งชั่วโมงนิดๆก็ได้ตรวจ ตรวจเสร็จไปจ่ายเงินค่าตรวจ (ไม่มียา) 50บาท แล้วก็รอใบนัด หมอนัดอีกที 6 เดือนครับ วันนี้ก็สบายๆ ใช้เวลาไม่นานนักก็ตรวจเสร็จ เสร็จทุกอย่างวันนี้ตอนประมาณ สิบโมงห้าสิบครับ นับว่าเร็วและไม่ต้องเครียดกับการรอคอยเท่าไหร่
จริงๆแล้วช่วงที่นั่งรอเราต้องมีเทคนิกทำให้ไม่เครียดครับ นั่นก็คือสมาธินั่นเอง... ผมทดลองนั่งสังเกตลมหายใจครับ ตามลมหายใจเข้า-ออก ไปเรื่อยๆ สบายดีครับ ไม่เครียดเลย เดี๋ยวก็ถึงเวลาเอง สบายมาก
สำหรับคราวหน้าคุณหมอนัดให้ทำอัลตร้าซาวด์อีกครับ ช่วงนี้รู้สึกคุณหมอจะติดตามอาการเป็นพิเศษ ซึ่งก็ดีครับที่เราจะได้ทราบแต่เนิ่นๆถ้ามีอะไรผิดปกติ แต่ที่ลุ้นๆอยู่ก็คือสงสัยว่า เอ๊ะ... มันมีสัญญาณอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าที่ทำให้คุณหมอต้องจับตาเป็นพิเศษอย่างนี้ หวังว่าคงไม่มีอะไรหรอกครับ แฮ่ๆ คนเราบางครั้งก็ต้องมองโลกในแง่ดีไว้บ้างนะครับ เราหวังแต่สิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นอย่างน้อยเราก็จะไม่เครียดมากตอนที่มันยังไม่เกิด ไม่เหมือนกับการคิดถึงแต่สิ่งร้ายๆที่จะเกิดขึ้นนะครับ อันนั้นจะทำให้เราเครียดมากถึงแม้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม...
แล้วคุยกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556
ลมแล้งมาแล้ว
ภาพจาก isan.clubs.chula.ac.th
สวัสดีครับ
วันนี้ไปยืมรูปมาจากเว็บอื่นครับ สาเหตุที่ไม่เอารูปที่ตัวเองถ่ายมาก็เพราะว่ามันไม่สวยเหมือนรูปคนอื่นครับ ผมถ่ายด้วยมือถือแบบรีบๆด้วย เรียกว่าดูไม่ได้เลย ไม่กล้าเอามาอวดครับ ช่วงนี้ผมกลับบ้านเพชรบูรณ์บ่อยๆ ดอกไม้ที่เห็นสองข้างทางตอนที่เข้าใกล้จังหวัดเพชรบูรณ์ก็มีทั้งคูณ (บางที่เรียกลมแล้ง) ตะแบกสีม่วงๆขาวๆ บางครั้งก็จะเห็นต้นอะไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน ดอกสีชมพูอมขาวเต็มต้นไปหมด ใบก็ไม่ค่อยมี สวยมากครับ แล้วตรงเกาะกลางถนนช่วงนี้ดอกเฟื่องฟ้าหลากสีก็พากันออกดอกสะพรั่งไปหมด สวยแบบร้อนๆครับ แต่ดูแล้วก็สดชื่นดี สดชื่นในแบบหน้าร้อนครับ กลับบ้านนอกคราวนี้ตอนกลางคืนไม่หนาวแล้ว เริ่มจะร้อนๆขึ้นมาแล้ว ใกล้สงกรานต์แล้วครับ หลายๆคนคงจะเริ่มวางแผนหยุดสงกรานต์กันแล้ว รถปีนี้คงเยอะขึ้นกว่าปีที่แล้ว ยังไงก็วางแผนเดินทางกันดีๆนะครับ จะได้ไม่หงุดหงิดตอนที่เจอรถติดเยอะๆ
วันนี้ไม่มีอะไรมาเขียนเป็นพิเศษครับ เรื่องโรคก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เท่าที่เห็นคนที่มาโพสต์กันก็มักจะมีเรื่องผ่าตัดไตเพราะเป็นมะเร็งกันเยอะครับ เป็นก็รักษากันไปครับ ทำอย่างอื่นในส่วนที่เราทำได้ไปก่อนครับ อย่ากังวลกับโรคให้มากนัก เอาธรรมะมาช่วยบ้าง ผมว่าถ้าทำใจให้สงบๆและปล่อยวางได้บ้างก็จะมีความสุขมากขึ้นครับ
ที่บ้านผมที่ต่างจังหวัดช่วงนี้มีคนในตำบลตายติดๆกันทุกวันมาเป็นเวลานานเป็นเดือนๆแล้ว (น่าจะหลายเดือนแล้วด้วย) ทำให้ชาวบ้านต้องเอาเสื้อสีแดงหรือผ้าสีแดงมาห้อยไว้ที่หน้าบ้านกันแทบทุกหลังคาเรือน นัยว่าเพื่อเป็นการแก้เคล็ดอะไรอย่างนั้นครับ หรือเพราะเหตุผลอย่างไรผมก็ไม่แน่ใจนักเพราะไม่ได้คุยกับใครเรื่องนี้เลย ได้แต่สังเกตเห็นตอนขับรถกลับบ้านครับ ก็ปลงครับ ชีวิตก็อย่างนี้...
แล้วคุยกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556
ทำ MRI ช่องท้องมาครับ
สวัสดีครับ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไปตรวจ MRI ที่ศิริราชตามแพทย์สั่งมาครับ ทำคราวนี้ก็เพื่อติดตามผลหลังจากที่ผ่าตัดไตซ้ายและต่อมหมวกไตขวาออกไปตอนต้นปี 54 นั่นเองครับ ความจริงแล้วตอนนี้ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรครับ คุณหมอให้ไปตรวจอีกครั้งเพื่อจะยืนยันเท่านั้นเองครับว่าภายในยังอยู่ในสภาพเดิมหรือเปล่าหรือว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว แล้วคราวนี้ต้องไปพบหมอใหญ่หรืออาจารย์หมอด้วยครับ ผมจะไปพบอ.ธวัชชัยวันที่ 19 มีนาคมนี้ครับ หวังว่าคงไม่มีอะไรให้ต้องตื่นเต้นกันอีก จริงๆแล้วก็แอบตื่นเต้นนิดหน่อยครับ ลุ้นเหมือนกันว่าจะมีอะไรผิดปกติอีกหรือเปล่า แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังกันหลังจากไปพบแพทย์มานะครับ
สำหรับค่าทำ MRI นั้นอยู่ที่ 13,800 บาทครับ ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง วันที่ผมไปทำเป็นวันอาทิตย์ครับ ค่อนข้างว่าง ก็เลยสบายครับ ไม่ต้องไปรอคิวนาน ไปถึงตอนบ่ายโมงตามนัดก็ได้ทำเลย การเตรียมตัวก็ไม่มีอะไรมาก สามารถทานอาหารได้ตามปกติ ก่อนจะเข้าเครื่องตรวจก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เค้าเตรียมไว้ แล้วเค้าก็จะทำการเปิดเส้นเลือดโดยการแทงเข็มเข้าที่เส้นเลือดหลังมือซ้ายครับ เอาเข็มคาไว้พร้อมกับหลอดฉีดยาครับ พอเข้าไปนอนให้เครื่องสแกนตรวจได้สักครู่ ประมาณเกือบชั่วโมงมังครับ เจ้าหน้าที่ก็จะมาฉีดสารเหนี่ยวนำแม่เหล็กเข้าเส้นเลือดให้ ซึ่งในขณะที่น้ำยาไหลเข้าเส้นเลือดนั้นก็รู้สึกปวดๆแขนนิดหน่อย แต่ก็ทนได้สบายๆครับ ไม่มีอะไรมาก จากนั้นก็เข้าเครื่องสแกนต่อ ซึ่งคราวนี้ไม่ค่อยนานครับ ต่ออีกประมาณ 5 นาทีก็เสร็จ
ขณะที่อยู่ในเครื่องสแกนนี้ห้ามหลับนะครับ ถึงแม้ว่าจะได้นอนสบายๆ อากาศเย็นๆก็ตาม เพราะเจ้าหน้าที่จะบอก (ผ่านเครื่องขยายเสียง) ให้หายใจเข้า-หายใจออกแล้วกลั้นใจนิ่งๆไว้ จากนั้นเครื่องก็จะเริ่มทำงาน มีเสียงดังแป้กๆๆๆๆๆๆ ต่อเนื่องกัน บางครั้งก็นับได้ เกือบสิบครั้ง บางครั้งก็ 8 ครั้งครับ ไม่แน่นอน ผมเผลอหลับไปครั้งนึงเหมือนกัน สะดุ้งตื่นขึ้นมาเผลอหายใจไปแล้วด้วย กลัวโดนดุเหมือนกันครับ หรือถึงจะไม่ดุแต่ภาพสแกนคงออกมาไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ตอนเผลอหลับแล้วหายใจด้วย... ก็มันหลังอาหารเที่ยงนี่ครับ เวลางีบของผมเลย
ทำเสร็จแล้วเค้าจะให้นั่งพักสักห้านาทีครับ ถ้าเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติก็จะให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปจ่ายตังค์แล้วกลับบ้านได้ ผมก็นั่งมึนๆ (น้อยๆ) อยู่แป๊บนึงครับ ไม่รู้ว่ามึนเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะว่าง่วงเหมือนกัน แต่ท่าทางจะเป็นเพราะง่วงมากกว่าครับ
เสร็จแล้วก็ขับรถกลับบ้าน ไม่มีอะไรผิดปกติครับ ขับรถได้ แล้วก็รอลุ้นผลกันต่อไป...
สวัสดีนะครับ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไปตรวจ MRI ที่ศิริราชตามแพทย์สั่งมาครับ ทำคราวนี้ก็เพื่อติดตามผลหลังจากที่ผ่าตัดไตซ้ายและต่อมหมวกไตขวาออกไปตอนต้นปี 54 นั่นเองครับ ความจริงแล้วตอนนี้ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรครับ คุณหมอให้ไปตรวจอีกครั้งเพื่อจะยืนยันเท่านั้นเองครับว่าภายในยังอยู่ในสภาพเดิมหรือเปล่าหรือว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้ว แล้วคราวนี้ต้องไปพบหมอใหญ่หรืออาจารย์หมอด้วยครับ ผมจะไปพบอ.ธวัชชัยวันที่ 19 มีนาคมนี้ครับ หวังว่าคงไม่มีอะไรให้ต้องตื่นเต้นกันอีก จริงๆแล้วก็แอบตื่นเต้นนิดหน่อยครับ ลุ้นเหมือนกันว่าจะมีอะไรผิดปกติอีกหรือเปล่า แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังกันหลังจากไปพบแพทย์มานะครับ
สำหรับค่าทำ MRI นั้นอยู่ที่ 13,800 บาทครับ ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง วันที่ผมไปทำเป็นวันอาทิตย์ครับ ค่อนข้างว่าง ก็เลยสบายครับ ไม่ต้องไปรอคิวนาน ไปถึงตอนบ่ายโมงตามนัดก็ได้ทำเลย การเตรียมตัวก็ไม่มีอะไรมาก สามารถทานอาหารได้ตามปกติ ก่อนจะเข้าเครื่องตรวจก็แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เค้าเตรียมไว้ แล้วเค้าก็จะทำการเปิดเส้นเลือดโดยการแทงเข็มเข้าที่เส้นเลือดหลังมือซ้ายครับ เอาเข็มคาไว้พร้อมกับหลอดฉีดยาครับ พอเข้าไปนอนให้เครื่องสแกนตรวจได้สักครู่ ประมาณเกือบชั่วโมงมังครับ เจ้าหน้าที่ก็จะมาฉีดสารเหนี่ยวนำแม่เหล็กเข้าเส้นเลือดให้ ซึ่งในขณะที่น้ำยาไหลเข้าเส้นเลือดนั้นก็รู้สึกปวดๆแขนนิดหน่อย แต่ก็ทนได้สบายๆครับ ไม่มีอะไรมาก จากนั้นก็เข้าเครื่องสแกนต่อ ซึ่งคราวนี้ไม่ค่อยนานครับ ต่ออีกประมาณ 5 นาทีก็เสร็จ
ขณะที่อยู่ในเครื่องสแกนนี้ห้ามหลับนะครับ ถึงแม้ว่าจะได้นอนสบายๆ อากาศเย็นๆก็ตาม เพราะเจ้าหน้าที่จะบอก (ผ่านเครื่องขยายเสียง) ให้หายใจเข้า-หายใจออกแล้วกลั้นใจนิ่งๆไว้ จากนั้นเครื่องก็จะเริ่มทำงาน มีเสียงดังแป้กๆๆๆๆๆๆ ต่อเนื่องกัน บางครั้งก็นับได้ เกือบสิบครั้ง บางครั้งก็ 8 ครั้งครับ ไม่แน่นอน ผมเผลอหลับไปครั้งนึงเหมือนกัน สะดุ้งตื่นขึ้นมาเผลอหายใจไปแล้วด้วย กลัวโดนดุเหมือนกันครับ หรือถึงจะไม่ดุแต่ภาพสแกนคงออกมาไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ตอนเผลอหลับแล้วหายใจด้วย... ก็มันหลังอาหารเที่ยงนี่ครับ เวลางีบของผมเลย
ทำเสร็จแล้วเค้าจะให้นั่งพักสักห้านาทีครับ ถ้าเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติก็จะให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปจ่ายตังค์แล้วกลับบ้านได้ ผมก็นั่งมึนๆ (น้อยๆ) อยู่แป๊บนึงครับ ไม่รู้ว่ามึนเพราะฤทธิ์ยาหรือเพราะว่าง่วงเหมือนกัน แต่ท่าทางจะเป็นเพราะง่วงมากกว่าครับ
เสร็จแล้วก็ขับรถกลับบ้าน ไม่มีอะไรผิดปกติครับ ขับรถได้ แล้วก็รอลุ้นผลกันต่อไป...
สวัสดีนะครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)