สวัสดีปีใหม่ครับ
เริ่มเช้าวันที่ 1 มกราคม 2556 ซึ่งเป็นวันแรกของปีใหม่นี้ผมก็ขอเอารูปพระพุทธรูปมาขึ้นเป็นหน้าแรกของปีเพื่อความเป็นสิริมงคลและเป็นเครื่องหมายของการเตือนสติให้ทำแต่สิ่งที่ดีๆ รวมทั้งได้รับแต่สิ่งที่ดีๆตอบแทนกลับมาด้วยครับ อย่างแรกเลยที่เราควรจะได้รับเมื่อเราได้ทำดีก็คือความสงบและความสุขใจครับ ซึ่งจริงๆแล้วนี่คือสิ่งที่น่าปรารถนาสูงสุดของชีวิตเราอย่างหนึ่งเหมือนกันนะครับ
สำหรับวันนี้ก็ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจครับสำหรับเว็บบล็อกนี้ นั่นก็คือการหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ เรื่องการวิจัยที่เกี่ยวข้อง เรื่องการรักษา และเรื่องอื่นๆที่ผมเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านเอามาเขียนไว้ให้อ่านกันครับ ซึ่งต้องขอออกตัวกันอีกครั้งนะครับว่าผมไม่ใช่แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์แต่อย่างใด อย่างเดียวที่มีที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้ก็คือผมเป็นคนไข้เอง ดังนั้นเรื่องราวต่างๆ ส่วนใหญ่จึงมาจากประสบการณ์ตรงของตัวผมหรือญาติพี่น้องเองด้วย ถ้ามีผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ และเพื่อความต่อเนื่องของข้อมูลที่จะนำมาเสนอในบล็อกนี้และไม่ให้มีการขาดความต่อเนื่องของการโพสต์บทความ เพราะจะทำให้ผู้อ่านเกิดความเบื่อหน่าย (เวลาที่เข้าบล็อกแล้วไม่เจอบทความใหม่ๆให้อ่านกัน) ผมจึงขอเอาเรื่องอื่นๆที่ผมอยากเขียนมารวมไว้ด้วยนะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องส่วนตัว เช่น เรื่องไปเที่ยว หรือไปทำงานที่อื่นๆ แล้วเจออะไรที่น่าสนใจประมาณนั้น เอามาเล่าสู่กันฟังด้วยเช่นกัน คิดเห็นอย่างไรก็แสดงความเห็นกันได้นะครับ ตามสบายครับ
สำหรับเช้านี้ผมไปเจอข้อมูลที่น่าสนใจมากอันหนึ่งเอามาฝากกันครับ คือเข้าไปเจอเรื่องของบริษัทร่วมทุนไทย-ออสเตรเลีย บริษัทหนึ่งซึ่งได้เผยแพร่ข้อมูลไว้น่าสนใจมากเกี่ยวกับการป้องกันทารกแรกเกิดไม่ให้ได้รับยีน VHL ที่ผิดปกติมาจากบิดาหรือมารดาได้ โดยทำการคัดเลือกทารกที่ไม่มียีนนี้ตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อน (Embryo) อยู่ ซึ่งเค้าเรียกกระบวนการนี้ว่า PGD หรือ Pre-Implantation Genetic Diagnosis ครับ ดังนั้นพ่อแม่ก็จะมีบุตรที่ไม่เป็นโรคนี้ครับ ไม่เหมือนกับการตั้งครรภ์แบบธรรมชาติที่มีโอกาสที่โรคนี้จะถ่ายทอดผ่านยีนนี้ได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์หรือหนึ่งในสองนั่นเอง บริษัทที่กล่าวถึงนี้ชื่อว่า Superior A.R.T. ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ ครับ ผมเพิ่งเจอบริษัทนี้จากการค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตนะครับ ยังไม่มีข้อมูลมากนัก ถ้าหากมีอะไรเพิ่มเติมแล้วจะนำมาเล่าสู่กันฟังเพิ่มเติมนะครับ และขอออกตัวไว้ก่อนด้วยนะครับว่าผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับบริษัทนี้หรือบริษัทใดๆก็ตามที่ผมอาจจะเอาเรื่องราวมาลงไว้ในอนาคตด้วย ผมหาข้อมูลมาลงไว้เพื่อเป็นการศึกษาและเรียนรู้ไปด้วยกันเท่านั้นครับ
สำหรับวันนี้นอกจากข่าวดีของวิทยาการที่นำมาลงไว้ในวันนี้ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วยที่อาจจะทำให้สามารถป้องกันการถ่ายทอดของโรคนี้จากเราไปสู่ลูกหลานได้แล้ว ผมก็ยังขอถือโอกาสนี้กล่าวสวัสดีปีใหม่อีกครั้ง ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยครับ นอกจากสุขภาพกายแล้ว สุขภาพใจก็เป็นเรื่องที่สำคัญด้วยเช่นกันนะครับ อย่าเครียดนะครับ ชีวิตนี้มันสั้นเกินกว่าที่จะมาเสียเวลาเครียดครับ สวัสดีครับ
วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555
โรงพยาบาลรามาธิบดี
สวัสดีวันสุดท้ายของปี 2555 ครับ
จากที่ได้ตั้งใจไว้ว่าจะไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันที่มีการตรวจรักษาหรือมีการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้มาให้อ่านกัน เมื่อวานได้ข้อมูลมาเพิ่มครับ พอดีไปเจอวารสารสุขภาพดีกับพรีมา ปีที่ 2 ฉบับที่ 5 กุมภาพันธ์-มีนาคม 2555 (www.prema.or.th) ซึ่งในคอลัมน์ นวัตกรรมวันนี้ ได้พูดถึงโรคมะเร็งไต...กับความหวังใหม่จากยานวัตกรรม โดย ผศ. พญ. ธิติยา สิริสิงห เดชเทวพร ซึ่งมีตอนหนึ่งที่ท่านได้กล่าวถึงสาเหตุของโรคมะเร็งไตว่านอกจากสาเหตุอื่นๆแล้ว ยังเกิดจากโรคทางกรรมพันธุ์ VHL ได้ด้วย
จากบทความนั้นแหละครับที่ทำให้ผมทราบว่าที่โรงพยาบาลรามาฯนั้นคงจะมีการตรวจรักษาโรค VHL นี้ด้วยแน่ๆเลย อ้อ สำหรับแพทย์หญิงธิติยานั้น ท่านอยู่หน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ นะครับ ผมไม่แน่ใจว่าถ้าหากต้องการไปตรวจโรคนี้โดยตรงจะติดต่อตรงส่วนไหนนะครับ แต่ที่แน่ๆ ผมว่าก็คงไปตรวจตามขั้นตอนปกติเหมือนโรงพยาบาลทั่วไปนั่นแหละครับ ถ้าอย่างไรก็ลองดูนะครับ ไม่น่าจะยากอะไรนัก และนี่ก็ทำให้ผมคิดว่าโรงเรียนแพทย์ทั่วประเทศไทยก็น่าจะรู้จักโรคนี้กันหมด คนที่ไม่รู้ก็คงจะมีแต่คนทั่วไปรวมทั้งผมด้วยที่ไม่ทราบว่ามีที่ใดในประเทศไทยที่ตรวจได้บ้าง เอาไว้ผมจะหาข้อมูลมาเพิ่มอีกนะครับ
สำหรับวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของปีนี้แล้ว และเพื่อเป็นการต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้แล้ว ผมขอถือโอกาสอวยพรปีใหม่กับทุกคนด้วยการอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกที่ท่านนับถืออยู่ ขอได้โปรดอำนวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง มีกำลังใจที่ดี และมีความสุขในการดำเนินชีวิตตลอดไปนะครับ
สวัสดีครับ
วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ทำใจ ... ให้สบาย ส่งท้ายปีเก่า 2555
สวัสดีครับ
พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายของปีมะโรง 2555 นี้แล้วนะครับ วันนี้ทุกคนคงกำลังมีความสุขอยู่กับกิจกรรมหลายๆอย่างของตัวเองกันนะครับ หลายคนคงอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดกันแล้ว ได้พบหน้าพ่อแม่พี่น้อง ปู่ย่าตายาย ลูกๆ หลานๆ เพื่อนฝูง บางคนก็คงจัดบ้าน ทำความสะอาดบ้าน ตกแต่งบ้านด้วยของประดับสำหรับวันปีใหม่กัน ก็เป็นช่วงที่ทุกคนคงจะมีความสุขกันนะครับ
วันนี้จริงๆแล้วผมตั้งใจจะหาข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่เค้ากำลังหาวิธีการรักษาโรคนี้กันอยู่ แต่ค้นข้อมูลแล้วก็ยังไม่มีอะไรที่จะทำให้หัวใจพองโตได้ คือก็ยังไม่มีการค้นพบวิธีการรักษาครับ ก็เลยแค่อยากจะสรุปสั้นๆเกี่ยวกับเรื่องที่เค้ากำลังทำกันอยู่เพื่อหาแนวทางการรักษาที่ผ่านมาครับ คือส่วนใหญ่แล้วตอนนี้การศึกษาและทดลองทางการแพทย์ ทั้งจากของมหาวิทยาลัย จากห้องทดลอง จากบริษัทยาต่างๆนั้นก็เน้นไปที่การศึกษาในระดับเซลล์ครับ ศึกษากันถึงกระบวนการเกิดของโรคนี้ (ซึ่งอันที่จริงแล้วในปัจจุบันความรู้เกี่ยวกับการเกิดของโรคนี้มีมากพอสมควรแล้ว) ซึ่งนั่นก็จะนำไปสู่การหาทางป้องกันและรักษาต่อไปครับ เช่น อย่างที่ทราบกันแล้วว่าหลักการเกิดของโรคโดยทั่วไปแล้วเกิดจากการที่มีการส่งสัญญาณจากยีน VHL ไปยังเซลล์ต่างๆว่ามีการขาดอ็อกซิเจน ซึ่งนั่นก็จะทำให้มีการเร่งสร้างเส้นเลือดฝอยให้มากขึ้น (มากจนผิดปกติ) เพื่อนำอ็อกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์นั้นๆ จนทำให้เกิดเป็นเนื้องอกขึ้นมาครับ ดังนั้นเมื่อทราบดังนี้แล้ว แนวทางหนึ่งในการรักษาก็คือทำอย่างไรจึงจะไม่ให้มีกระบวนการส่งสัญญาณหลอกๆนี้ขึ้นมาอีก และยังมีแนวทางอื่นอีกมากมายครับ ที่เค้ากำลังศึกษากันอยู่ คราวหน้าผมจะพยายามหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังนะครับ ทั้งหน่วยงานที่ศึกษา วิธีการ ความก้าวหน้าและเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องครับ
สำหรับรูปที่เอามาลงวันนี้เป็นรูปถ่ายจากมือถือตอนที่ไปอังกฤษเมื่อปลายเดือนพฤศจิกาที่ผ่านมานี้เองครับ พอดีพักอยู่ใกล้ๆกับลอนดอนอาย (London Eye) ก็เลยถ่ายรูปเก็บเอาไว้ สวยดีครับ เลยเอามาลงให้ดูกันเล่นๆ
แล้วพบกันใหม่ครับ
สวัสดีครับ
พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายของปีมะโรง 2555 นี้แล้วนะครับ วันนี้ทุกคนคงกำลังมีความสุขอยู่กับกิจกรรมหลายๆอย่างของตัวเองกันนะครับ หลายคนคงอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดกันแล้ว ได้พบหน้าพ่อแม่พี่น้อง ปู่ย่าตายาย ลูกๆ หลานๆ เพื่อนฝูง บางคนก็คงจัดบ้าน ทำความสะอาดบ้าน ตกแต่งบ้านด้วยของประดับสำหรับวันปีใหม่กัน ก็เป็นช่วงที่ทุกคนคงจะมีความสุขกันนะครับ
วันนี้จริงๆแล้วผมตั้งใจจะหาข้อมูลเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่เค้ากำลังหาวิธีการรักษาโรคนี้กันอยู่ แต่ค้นข้อมูลแล้วก็ยังไม่มีอะไรที่จะทำให้หัวใจพองโตได้ คือก็ยังไม่มีการค้นพบวิธีการรักษาครับ ก็เลยแค่อยากจะสรุปสั้นๆเกี่ยวกับเรื่องที่เค้ากำลังทำกันอยู่เพื่อหาแนวทางการรักษาที่ผ่านมาครับ คือส่วนใหญ่แล้วตอนนี้การศึกษาและทดลองทางการแพทย์ ทั้งจากของมหาวิทยาลัย จากห้องทดลอง จากบริษัทยาต่างๆนั้นก็เน้นไปที่การศึกษาในระดับเซลล์ครับ ศึกษากันถึงกระบวนการเกิดของโรคนี้ (ซึ่งอันที่จริงแล้วในปัจจุบันความรู้เกี่ยวกับการเกิดของโรคนี้มีมากพอสมควรแล้ว) ซึ่งนั่นก็จะนำไปสู่การหาทางป้องกันและรักษาต่อไปครับ เช่น อย่างที่ทราบกันแล้วว่าหลักการเกิดของโรคโดยทั่วไปแล้วเกิดจากการที่มีการส่งสัญญาณจากยีน VHL ไปยังเซลล์ต่างๆว่ามีการขาดอ็อกซิเจน ซึ่งนั่นก็จะทำให้มีการเร่งสร้างเส้นเลือดฝอยให้มากขึ้น (มากจนผิดปกติ) เพื่อนำอ็อกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์นั้นๆ จนทำให้เกิดเป็นเนื้องอกขึ้นมาครับ ดังนั้นเมื่อทราบดังนี้แล้ว แนวทางหนึ่งในการรักษาก็คือทำอย่างไรจึงจะไม่ให้มีกระบวนการส่งสัญญาณหลอกๆนี้ขึ้นมาอีก และยังมีแนวทางอื่นอีกมากมายครับ ที่เค้ากำลังศึกษากันอยู่ คราวหน้าผมจะพยายามหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังนะครับ ทั้งหน่วยงานที่ศึกษา วิธีการ ความก้าวหน้าและเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องครับ
สำหรับรูปที่เอามาลงวันนี้เป็นรูปถ่ายจากมือถือตอนที่ไปอังกฤษเมื่อปลายเดือนพฤศจิกาที่ผ่านมานี้เองครับ พอดีพักอยู่ใกล้ๆกับลอนดอนอาย (London Eye) ก็เลยถ่ายรูปเก็บเอาไว้ สวยดีครับ เลยเอามาลงให้ดูกันเล่นๆ
แล้วพบกันใหม่ครับ
สวัสดีครับ
วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555
สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา...
สวัสดีครับ
วันนี้ไปหาหมอตามนัดมาครับ ก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังถึงผลการตรวจครับ ก็เพื่อจะได้เป็นความรู้สำหรับผู้ป่วยท่านอื่นๆเป็นหลักครับ วันนี้ผมไปพบหมอศัลยศาสตร์ทางเดินปัสสาวะตามนัดเพื่อจะไปฟังผลการตรวจอัลตร้าซาวด์และเอ็กซ์เรย์ทรวงอกซึ่งได้ทำไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วนั่นแหละครับ จริงๆ แล้วก็มีฟังผลของการตรวจเลือดเพื่อหาค่าการทำงานของไตด้วย สำหรับผลที่ออกมาก็ไม่ค่อยสวยเท่าไร คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนที่คุณหมอห้องตรวจอัลตร้าซาวด์บอกมาดูแล้วไม่ค่อยมีอะไรมาก คือทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม และผลค่าไตเมื่อคราวที่พบคุณหมอเบาหวานก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนัก แต่สำหรับวันนี้แล้ว ทุกอย่างมันดูเหมือนจะไม่ได้สวยงามอย่างนั้นเลยครับ ตรงกันข้ามคุณหมอผู้ตรวจรีบนัดให้มาทำ MRI ภายในสามเดือนเลยทีเดียวครับ...
สภาพภายในช่องท้องของผมตอนนี้มีซีสต์อยู่ที่ด้านบนของไตขวา (ลูกใหญ่ประมาณ 6*6 เซนติเมตร) และมีซีสต์ที่ตับอ่อนเหมือนเดิม แต่ที่ผมแอบอ่านผลตรวจเองเจออีกอย่างหนึ่งก็คือมี polyp (เดาว่าเป็นพวกติ่งเนื้อเล็กๆ) อยู่ที่ถุงน้ำดีครับ! ซึ่งอันนี้เองที่ทำให้ผมไม่ค่อยสบายใจ เพราะเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับความผิดปกติของร่างกายผมครับ ผมก็เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับถุงน้ำดีว่ามันทำหน้าที่อะไรบ้าง และจำเป็นแค่ไหนสำหรับร่างกายของเรา พบว่ามันทำหน้าที่เก็บน้ำดีที่ผลิตจากตับครับ ซึ่งก่อนทานอาหารมันจะโป่งและหลังจากทานอาหารแล้วมันจะแฟ่บ คงจะเป็นเพราะมันปล่อยน้ำดีให้เข้าไปย่อยไขมันจากการทานอาหารของเรานั่นเองครับ ซึ่งเค้าบอกว่าถึงแม้เราจะไม่มีถุงน้ำดี (เช่นถูกผ่าตัดทิ้งไป) ก็ไม่เป็นอะไรมาก คืออาจจะมีผลบ้างเล็กน้อย เช่นท้องเสียอะไรพวกนี้ครับ อ่านเสร็จผมก็เบาใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ทำให้รำคาญใจอยู่เหมือนกันครับ ก็อย่างที่เคยบอกไว้ว่าตอนนี้ผมมีปัญหาที่ตับอ่อนที่มีซีสต์เกาะและทำให้การผลิตน้ำย่อยไม่ค่อยสมบูรณ์นัก และนั่นก็ทำให้มีปัญหาท้องเสียบ่อยๆอยู่แล้ว แล้วนี่ยังมาเจอเจ้าติ่งเนื้อนี้ที่ถุงน้ำดีอีก อย่างนี้ก็คงไปกันใหญ่ ท้องเสียกันเป็นอาชีพเลยมั้งครับเนี่ย... โอย เหนื่อย...
ต่ออีกหน่อยครับ เมื่อคุณหมออ่านผลต่างๆแล้วก็อย่างที่บอก คุณหมอสั่งให้ทำ MRI ภายในสามเดือนครับ และให้ไปพบอาจารย์หมอธวัชชัย ทวีมั่นคงทรัพย์ ซึ่งเป็นแพทย์ที่ผ่าตัดไตผมต่อเลยทันทีครับ คงมีอะไรที่น่าเป็นห่วงแน่ๆเลย มีช่วงหนึ่งในขณะที่ตรวจอยู่ที่คุณหมอพูดถึงขนาดของซีสต์ที่ไตขวาแล้วก็ให้ดูภาพจาก MRI ตอนปี 53 ซึ่งมันใหญ่มาก แล้วผมก็ถามว่าตัดออกได้มั้ย คุณหมอบอกว่าตัดแล้วมันก็คงโตขึ้นมาอีก ตอนนี้ที่น่าห่วงก็คือกลัวว่าจะกลายเป็นเนื้องอกซึ่งนั้นก็อาจจะทำให้ต้องตัดไตขวาทิ้งไปอีก ก็จะเหลืออะไรล่ะครับ ผมก็คงต้องเข้ารับการล้างไตน่ะซีครับ แย่เลย ดังนั้นตอนนี้หลังจากที่อึ้งไปพักใหญ่ ผมก็มาตั้งสติว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปดีเพื่อจะให้มีชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข (ตามอัตภาพ)
ความคิดอย่างแรกที่ผุดขึ้นมาก็คือถ้าต้องตัดไตทิ้งก็ต้องยึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่บอกว่า "ยอมเสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต" ครับ ผมต้องยึดหลักธรรมนี้ให้ได้ก่อนเลย และความคิดต่อมาก็คือคงต้องหาวิธีรักษาไตให้ทำงานน้อยๆ ไม่หนักเกินไปครับ ความคิดที่ตามมาอีกอย่างก็คือทำอย่างไรจะทำให้ซีสต์มันยุบหายไป หรือคงที่อย่างนี้ไม่โตกว่านี้อีกไปตลอดชีวิต... ครับ ไม่ง่ายเลย ซึ่งจากที่กล่าวมาผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ตอนนี้เริ่มเข้าใจด้วยหัวใจตัวเองจริงๆแล้วสำหรับคำกล่าวที่ว่า "สัพเพ ธรรมา นาลัง อภินิเวสายะ" สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น...
เริ่มจะปล่อยวางแล้วจริงๆ ครับ
สวัสดีครับ
วันนี้ไปหาหมอตามนัดมาครับ ก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังถึงผลการตรวจครับ ก็เพื่อจะได้เป็นความรู้สำหรับผู้ป่วยท่านอื่นๆเป็นหลักครับ วันนี้ผมไปพบหมอศัลยศาสตร์ทางเดินปัสสาวะตามนัดเพื่อจะไปฟังผลการตรวจอัลตร้าซาวด์และเอ็กซ์เรย์ทรวงอกซึ่งได้ทำไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วนั่นแหละครับ จริงๆ แล้วก็มีฟังผลของการตรวจเลือดเพื่อหาค่าการทำงานของไตด้วย สำหรับผลที่ออกมาก็ไม่ค่อยสวยเท่าไร คือเมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนที่คุณหมอห้องตรวจอัลตร้าซาวด์บอกมาดูแล้วไม่ค่อยมีอะไรมาก คือทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม และผลค่าไตเมื่อคราวที่พบคุณหมอเบาหวานก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนัก แต่สำหรับวันนี้แล้ว ทุกอย่างมันดูเหมือนจะไม่ได้สวยงามอย่างนั้นเลยครับ ตรงกันข้ามคุณหมอผู้ตรวจรีบนัดให้มาทำ MRI ภายในสามเดือนเลยทีเดียวครับ...
สภาพภายในช่องท้องของผมตอนนี้มีซีสต์อยู่ที่ด้านบนของไตขวา (ลูกใหญ่ประมาณ 6*6 เซนติเมตร) และมีซีสต์ที่ตับอ่อนเหมือนเดิม แต่ที่ผมแอบอ่านผลตรวจเองเจออีกอย่างหนึ่งก็คือมี polyp (เดาว่าเป็นพวกติ่งเนื้อเล็กๆ) อยู่ที่ถุงน้ำดีครับ! ซึ่งอันนี้เองที่ทำให้ผมไม่ค่อยสบายใจ เพราะเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับความผิดปกติของร่างกายผมครับ ผมก็เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับถุงน้ำดีว่ามันทำหน้าที่อะไรบ้าง และจำเป็นแค่ไหนสำหรับร่างกายของเรา พบว่ามันทำหน้าที่เก็บน้ำดีที่ผลิตจากตับครับ ซึ่งก่อนทานอาหารมันจะโป่งและหลังจากทานอาหารแล้วมันจะแฟ่บ คงจะเป็นเพราะมันปล่อยน้ำดีให้เข้าไปย่อยไขมันจากการทานอาหารของเรานั่นเองครับ ซึ่งเค้าบอกว่าถึงแม้เราจะไม่มีถุงน้ำดี (เช่นถูกผ่าตัดทิ้งไป) ก็ไม่เป็นอะไรมาก คืออาจจะมีผลบ้างเล็กน้อย เช่นท้องเสียอะไรพวกนี้ครับ อ่านเสร็จผมก็เบาใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ทำให้รำคาญใจอยู่เหมือนกันครับ ก็อย่างที่เคยบอกไว้ว่าตอนนี้ผมมีปัญหาที่ตับอ่อนที่มีซีสต์เกาะและทำให้การผลิตน้ำย่อยไม่ค่อยสมบูรณ์นัก และนั่นก็ทำให้มีปัญหาท้องเสียบ่อยๆอยู่แล้ว แล้วนี่ยังมาเจอเจ้าติ่งเนื้อนี้ที่ถุงน้ำดีอีก อย่างนี้ก็คงไปกันใหญ่ ท้องเสียกันเป็นอาชีพเลยมั้งครับเนี่ย... โอย เหนื่อย...
ต่ออีกหน่อยครับ เมื่อคุณหมออ่านผลต่างๆแล้วก็อย่างที่บอก คุณหมอสั่งให้ทำ MRI ภายในสามเดือนครับ และให้ไปพบอาจารย์หมอธวัชชัย ทวีมั่นคงทรัพย์ ซึ่งเป็นแพทย์ที่ผ่าตัดไตผมต่อเลยทันทีครับ คงมีอะไรที่น่าเป็นห่วงแน่ๆเลย มีช่วงหนึ่งในขณะที่ตรวจอยู่ที่คุณหมอพูดถึงขนาดของซีสต์ที่ไตขวาแล้วก็ให้ดูภาพจาก MRI ตอนปี 53 ซึ่งมันใหญ่มาก แล้วผมก็ถามว่าตัดออกได้มั้ย คุณหมอบอกว่าตัดแล้วมันก็คงโตขึ้นมาอีก ตอนนี้ที่น่าห่วงก็คือกลัวว่าจะกลายเป็นเนื้องอกซึ่งนั้นก็อาจจะทำให้ต้องตัดไตขวาทิ้งไปอีก ก็จะเหลืออะไรล่ะครับ ผมก็คงต้องเข้ารับการล้างไตน่ะซีครับ แย่เลย ดังนั้นตอนนี้หลังจากที่อึ้งไปพักใหญ่ ผมก็มาตั้งสติว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปดีเพื่อจะให้มีชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุข (ตามอัตภาพ)
ความคิดอย่างแรกที่ผุดขึ้นมาก็คือถ้าต้องตัดไตทิ้งก็ต้องยึดหลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่บอกว่า "ยอมเสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต" ครับ ผมต้องยึดหลักธรรมนี้ให้ได้ก่อนเลย และความคิดต่อมาก็คือคงต้องหาวิธีรักษาไตให้ทำงานน้อยๆ ไม่หนักเกินไปครับ ความคิดที่ตามมาอีกอย่างก็คือทำอย่างไรจะทำให้ซีสต์มันยุบหายไป หรือคงที่อย่างนี้ไม่โตกว่านี้อีกไปตลอดชีวิต... ครับ ไม่ง่ายเลย ซึ่งจากที่กล่าวมาผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ตอนนี้เริ่มเข้าใจด้วยหัวใจตัวเองจริงๆแล้วสำหรับคำกล่าวที่ว่า "สัพเพ ธรรมา นาลัง อภินิเวสายะ" สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น...
เริ่มจะปล่อยวางแล้วจริงๆ ครับ
สวัสดีครับ
วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555
บริจาคสนับสนุนการวิจัยเพื่อหาแนวทางการรักษา
สวัสดีครับ
ใกล้สิ้นปีแล้ว ช่วงขึ้นปีใหม่เรามักจะนึกถึงการให้ของขวัญกันใช่ไหมครับ หลายๆคนคงกำลังเตรียมหาของขวัญสำหรับเอาไปให้ลูกๆหลานๆ หรือเอาไปจับฉลากในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กัน สำหรับปีใหม่ปีนี้ผมก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ จะมีนิดหน่อยก็คือบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนงานของมูลนิธิ VHL Family Alliance ครับ ซึ่งผมมองว่าความหวังของผมและผู้ป่วยโรคนี้ส่วนหนึ่งก็คงต้องมาจากองค์กรนี้แหละครับ ซึ่งเค้าได้ทำการสนับสนุนงานวิจัยกันอย่างจริงจัง ถ้าเงินของผมจะมีส่วนในการช่วยให้มีการค้นพบวิธีการรักษาโรคนี้ได้ ผมก็จะยินดีมากครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นจำนวนเงินที่เล็กน้อยก็ตาม ซึ่งผมเชื่อว่าจำนวนเงินเล็กๆน้อยๆของคนหลายๆคนนี่แหละครับ ที่เมื่อรวมกันแล้วก็จะเป็นกำลังที่สำคัญได้เหมือนกัน
ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงกันทุกคนครับ สวัสดีครับ
ใกล้สิ้นปีแล้ว ช่วงขึ้นปีใหม่เรามักจะนึกถึงการให้ของขวัญกันใช่ไหมครับ หลายๆคนคงกำลังเตรียมหาของขวัญสำหรับเอาไปให้ลูกๆหลานๆ หรือเอาไปจับฉลากในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กัน สำหรับปีใหม่ปีนี้ผมก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ จะมีนิดหน่อยก็คือบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนงานของมูลนิธิ VHL Family Alliance ครับ ซึ่งผมมองว่าความหวังของผมและผู้ป่วยโรคนี้ส่วนหนึ่งก็คงต้องมาจากองค์กรนี้แหละครับ ซึ่งเค้าได้ทำการสนับสนุนงานวิจัยกันอย่างจริงจัง ถ้าเงินของผมจะมีส่วนในการช่วยให้มีการค้นพบวิธีการรักษาโรคนี้ได้ ผมก็จะยินดีมากครับ ถึงแม้ว่าจะเป็นจำนวนเงินที่เล็กน้อยก็ตาม ซึ่งผมเชื่อว่าจำนวนเงินเล็กๆน้อยๆของคนหลายๆคนนี่แหละครับ ที่เมื่อรวมกันแล้วก็จะเป็นกำลังที่สำคัญได้เหมือนกัน
ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงกันทุกคนครับ สวัสดีครับ
วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ปวดหัว ที่อาจจะไม่ใช่เพราะความเครียด
สวัสดีครับ
ไปเที่ยวเขาค้อมาครับ ภาพนี้เป็นภาพทะเลหมอกที่ถ่ายจากบ้านพัก "พรสวรรค์ รีสอร์ท" ครับ นั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านก็ชมทะเลหมอกตอนเช้าได้เลยครับ ข้างล่างที่อยู่ใต้หมอกที่จริงแล้วเป็นหมู่บ้าน และรีสอร์ทครับ ซึ่งจากภาพเรามองไม่เห็นอะไรเลย เพราะว่าหมอกหนาปกคลุมอยู่ครับ ทะเลหมอกนี้จะหายไปตอนสายๆของวัน ช่วงเวลาประมาณเก้าโมงเช้าครับ พอแสงแดดส่องได้สักครู่ทะเลหมอกอันสวยงามนี้ก็จะหายไป ทำให้มองเห็นอ่างเก็บน้ำรัตนัยที่อยู่ข้างล่างและบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายอยู่ในบริเวณหุบเขานั้นครับ ถ้ามีโอกาสผมแนะนำให้ไปลองนอนพักที่เขาค้อสักคืนนะครับ ช่วงนี้อากาศเย็นสบายดีมาก เกือบหนาวครับ แต่ไม่ถึงกับหนาวมากนัก ใส่เสื้อไหมพรมหรือแจ็คเก็ตบางๆก็อยู่ได้แบบสบายๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าช่วงที่หนาวๆจัดๆ อุณหภูมิจะเป็นเท่าไรนะครับ ที่เขาค้อนี้เค้ารับประกันครับว่าอุณหภูมิไม่เกิน 26 องศาในช่วงเที่ยงคืนตลอดทั้งปีครับ ไม่ว่าจะหน้าร้อนหรือหน้าอะไรก็ตาม แน่นอนครับ หน้าหนาวก็ต้องเย็นกว่านี้แน่นอน อย่างช่วงสองสามวันที่ผมไปเที่ยวมานี้ ดึกๆ จะอยู่ที่ประมาณ 20-23 องศาครับ
สำหรับวันนี้ผมก็มีเรื่องของอาการอื่นๆของคนที่เป็นโรค VHL มาให้อ่านกันอีกนะครับ ก็คืออาการปวดหัวครับ ซึ่งคราวนี้เป็นเรื่องราวของนักศึกษาสาวชาวต่างประเทศคนหนึ่ง เธอได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคเนื้องอกในตา ซึ่งเกิดจากโรค VHL ซึ่งก็ได้รับการรักษาและควบคุมเป็นอย่างดี ต่อมาเธอมีอาการปวดหัว และแพทย์ก็ได้สันนิษฐานว่าคงเป็นเพราะความเครียดซึ่งเกิดจากการเรียนหนักของเธอเองครับ และบอกว่าหากเรียนจบอาการเหล่านี้คงหายไป แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ครับ เธอเป็นเนื้องอกในสมอง แต่สุดท้ายก็ผ่าตัดรักษาสำเร็จครับ อันนี้แหละครับที่เป็นสิ่งที่เราต้องระวังและต้องทราบว่าคนที่เป็นเนื้องอกในตาหรืออะไรก็ตาม (เช่นซีสต์ เนื้องอกที่ตับอ่อน ไต ฯ) ที่เกิดจากโรค VHL แล้ว เราก็ต้องรู้ว่ายังมีอาการอื่นๆอีกมากที่เกิดจากโรคนี้นะครับ และถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นเราก็จะได้ไปพบแพทย์และบอกเล่าเรื่องราวและประวัติให้ฟังได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสุดท้ายแล้วเราก็จะได้รับการรักษาที่ถูกต้องด้วยครับ
จริงๆ แล้วการที่จะไปบอกแพทย์ว่าเราเป็นโรคนี้แล้วมีโอกาสที่จะเกิดอาการอื่นๆ เช่นเนื้องอกหรือซีสต์ที่นั่นที่นี่ในอวัยวะส่วนอื่นๆของร่างกายนั้นมันไม่ง่ายหรอกครับ เพราะในเมืองไทยโรคนี้คงเป็นที่รู้จักกันน้อยมาก แม้แต่ในวงการแพทย์เอง ดังนั้นต้องอดทนครับ และดูแลตัวเองให้ดี ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ ถ้าจำเป็นต้องบอกแพทย์ ผมแนะนำว่าให้บอกว่าเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมด้วยนะครับ ซึ่งอาจจะมีประวัติของคนในครอบครัวที่มีอาการเหล่านี้ด้วย อย่างผมนี้ชัดเจนครับ แม่เสียชีวิตจากอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเนื่องจากเนื้องอกในสมอง เป็นต้นครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
ไปเที่ยวเขาค้อมาครับ ภาพนี้เป็นภาพทะเลหมอกที่ถ่ายจากบ้านพัก "พรสวรรค์ รีสอร์ท" ครับ นั่งอยู่ที่ระเบียงบ้านก็ชมทะเลหมอกตอนเช้าได้เลยครับ ข้างล่างที่อยู่ใต้หมอกที่จริงแล้วเป็นหมู่บ้าน และรีสอร์ทครับ ซึ่งจากภาพเรามองไม่เห็นอะไรเลย เพราะว่าหมอกหนาปกคลุมอยู่ครับ ทะเลหมอกนี้จะหายไปตอนสายๆของวัน ช่วงเวลาประมาณเก้าโมงเช้าครับ พอแสงแดดส่องได้สักครู่ทะเลหมอกอันสวยงามนี้ก็จะหายไป ทำให้มองเห็นอ่างเก็บน้ำรัตนัยที่อยู่ข้างล่างและบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายอยู่ในบริเวณหุบเขานั้นครับ ถ้ามีโอกาสผมแนะนำให้ไปลองนอนพักที่เขาค้อสักคืนนะครับ ช่วงนี้อากาศเย็นสบายดีมาก เกือบหนาวครับ แต่ไม่ถึงกับหนาวมากนัก ใส่เสื้อไหมพรมหรือแจ็คเก็ตบางๆก็อยู่ได้แบบสบายๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าช่วงที่หนาวๆจัดๆ อุณหภูมิจะเป็นเท่าไรนะครับ ที่เขาค้อนี้เค้ารับประกันครับว่าอุณหภูมิไม่เกิน 26 องศาในช่วงเที่ยงคืนตลอดทั้งปีครับ ไม่ว่าจะหน้าร้อนหรือหน้าอะไรก็ตาม แน่นอนครับ หน้าหนาวก็ต้องเย็นกว่านี้แน่นอน อย่างช่วงสองสามวันที่ผมไปเที่ยวมานี้ ดึกๆ จะอยู่ที่ประมาณ 20-23 องศาครับ
สำหรับวันนี้ผมก็มีเรื่องของอาการอื่นๆของคนที่เป็นโรค VHL มาให้อ่านกันอีกนะครับ ก็คืออาการปวดหัวครับ ซึ่งคราวนี้เป็นเรื่องราวของนักศึกษาสาวชาวต่างประเทศคนหนึ่ง เธอได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคเนื้องอกในตา ซึ่งเกิดจากโรค VHL ซึ่งก็ได้รับการรักษาและควบคุมเป็นอย่างดี ต่อมาเธอมีอาการปวดหัว และแพทย์ก็ได้สันนิษฐานว่าคงเป็นเพราะความเครียดซึ่งเกิดจากการเรียนหนักของเธอเองครับ และบอกว่าหากเรียนจบอาการเหล่านี้คงหายไป แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ครับ เธอเป็นเนื้องอกในสมอง แต่สุดท้ายก็ผ่าตัดรักษาสำเร็จครับ อันนี้แหละครับที่เป็นสิ่งที่เราต้องระวังและต้องทราบว่าคนที่เป็นเนื้องอกในตาหรืออะไรก็ตาม (เช่นซีสต์ เนื้องอกที่ตับอ่อน ไต ฯ) ที่เกิดจากโรค VHL แล้ว เราก็ต้องรู้ว่ายังมีอาการอื่นๆอีกมากที่เกิดจากโรคนี้นะครับ และถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นเราก็จะได้ไปพบแพทย์และบอกเล่าเรื่องราวและประวัติให้ฟังได้อย่างถูกต้อง ซึ่งสุดท้ายแล้วเราก็จะได้รับการรักษาที่ถูกต้องด้วยครับ
จริงๆ แล้วการที่จะไปบอกแพทย์ว่าเราเป็นโรคนี้แล้วมีโอกาสที่จะเกิดอาการอื่นๆ เช่นเนื้องอกหรือซีสต์ที่นั่นที่นี่ในอวัยวะส่วนอื่นๆของร่างกายนั้นมันไม่ง่ายหรอกครับ เพราะในเมืองไทยโรคนี้คงเป็นที่รู้จักกันน้อยมาก แม้แต่ในวงการแพทย์เอง ดังนั้นต้องอดทนครับ และดูแลตัวเองให้ดี ค่อยเป็นค่อยไปนะครับ ถ้าจำเป็นต้องบอกแพทย์ ผมแนะนำว่าให้บอกว่าเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมด้วยนะครับ ซึ่งอาจจะมีประวัติของคนในครอบครัวที่มีอาการเหล่านี้ด้วย อย่างผมนี้ชัดเจนครับ แม่เสียชีวิตจากอาการปวดหัวอย่างรุนแรงเนื่องจากเนื้องอกในสมอง เป็นต้นครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ
วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555
โรคอื่นที่แสดงอาการเหมือนกับโรค VHL ... เนื้องอกในสมอง
สวัสดีตอนเช้าครับ
วันนี้ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวไปเที่ยวครับ ผมลาพักร้อนยาวตั้งแต่วันนี้จนถึงปีใหม่โน่นเลย ถือโอกาสพักผ่อนหลังจากที่ลุยกับงานหนักมาหลายอาทิตย์ติดต่อกันในช่วงที่ผ่านมาครับ
สำหรับวันนี้จะมาเขียนต่อจากตอนก่อนๆที่พูดถึงอาการป่วยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับโรค VHL แต่อาจจะไม่ใช่ ...ฟังดูไม่ค่อยเข้าใจใช่ไหมครับ งั้นเอาใหม่... ก็คือโรคบางอย่างแสดงอาการของโรคที่คนที่เป็นโรค VHL ก็มีโอกาสที่จะเป็นเหมือนกันไงครับ เช่นตอนที่ผ่านมาที่กล่าวถึงโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งคนที่มีอาการอย่างนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ และแพทย์ไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นว่าคนไข้เป็นโรค VHL ครับ
สำหรับวันนี้ก็จะพูดถึงอาการปวดหัวครับ อาการปวดหัวเป็นโรคที่พบได้บ่อยและธรรมดามากๆ ในคนทั่วไป ผมว่าแทบทุกคนนะครับที่เคยปวดหัวกัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็คงจะไปซื้อยาแก้ปวดมาทานกันเอง ซึ่งก็มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดครับ นี่แหละครับที่ทำให้เวลามีคนไข้ปวดศีรษะแพทย์ก็คงไม่นึกว่าจะเป็นโรค VHL ครับ คงวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นไปก่อน (ถ้าในครอบครัวไม่มีประวัติของโรค VHL)
...ชายคนหนึ่งอายุ 20 ปีครับ พบว่าเป็นเนื้องอกในสมองซึ่งแพทย์ก็ได้ทำการผ่าตัดรักษาให้โดยที่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรเป็นพิเศษ อีก 6 ปีต่อมา เขามีอาการปวดหลัง ซึ่งแพทย์ก็คิดว่าคงจะเกิดจากอาการหมอนรองกระดูกไขสันหลังเคลื่อน จึงได้ทำการผ่าตัด แต่ปรากฎว่าจริงๆแล้วเกิดจากเนื้องอกในไขสันหลัง ซึ่งเนื้องอกเกิดแตกหรือฉีกขาด และทำให้เขาเป็นอัมพาตช่วงล่างไปเลย และแพทย์ก็ได้ศึกษาจนพบว่าเขาเป็นโรค VHL ครับ และพบว่าลูกสาวทั้งสองคนก็เป็นโรคนี้ด้วย ลูกสาวโชคดีครับที่รู้เร็วว่าเป็นโรคนี้จึงได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
เห็นมั้ยครับว่าไม่ง่ายเลยสำหรับโรคนี้ เพราะว่าอาการของโรคก็เหมือนๆกับโรคอื่นๆอีกหลายๆโรคครับ ซึ่งสำหรับวันนี้เราก็ได้ทราบอาการเหล่านั้นสองอาการแล้วนะครับ คืออย่างแรกก็ความดันสูง อย่างที่สองก็เนื้องอกในสมองครับ (ซึ่งเนื้องอกในสมองเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่จำเป็นต้องเกิดจากโรค VHL เสมอไป)
สำหรับคราวหน้าก็มีต่อนะครับ ยังมีมาให้อ่านกันอีกหลายตอน แล้วพบกันครับ สำหรับวันนี้ขอตัวไปเที่ยวก่อนครับ อย่าลืมนะครับ มีเวลาก็ต้องพักผ่อนกันบ้าง เที่ยวกันบ้างครับ ขอให้มีความสุขส่งท้ายปีเก่ากันทุกคนครับ
สวัสดีครับ
วันนี้ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวไปเที่ยวครับ ผมลาพักร้อนยาวตั้งแต่วันนี้จนถึงปีใหม่โน่นเลย ถือโอกาสพักผ่อนหลังจากที่ลุยกับงานหนักมาหลายอาทิตย์ติดต่อกันในช่วงที่ผ่านมาครับ
สำหรับวันนี้จะมาเขียนต่อจากตอนก่อนๆที่พูดถึงอาการป่วยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับโรค VHL แต่อาจจะไม่ใช่ ...ฟังดูไม่ค่อยเข้าใจใช่ไหมครับ งั้นเอาใหม่... ก็คือโรคบางอย่างแสดงอาการของโรคที่คนที่เป็นโรค VHL ก็มีโอกาสที่จะเป็นเหมือนกันไงครับ เช่นตอนที่ผ่านมาที่กล่าวถึงโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งคนที่มีอาการอย่างนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ และแพทย์ไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นว่าคนไข้เป็นโรค VHL ครับ
สำหรับวันนี้ก็จะพูดถึงอาการปวดหัวครับ อาการปวดหัวเป็นโรคที่พบได้บ่อยและธรรมดามากๆ ในคนทั่วไป ผมว่าแทบทุกคนนะครับที่เคยปวดหัวกัน ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็คงจะไปซื้อยาแก้ปวดมาทานกันเอง ซึ่งก็มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดครับ นี่แหละครับที่ทำให้เวลามีคนไข้ปวดศีรษะแพทย์ก็คงไม่นึกว่าจะเป็นโรค VHL ครับ คงวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นไปก่อน (ถ้าในครอบครัวไม่มีประวัติของโรค VHL)
...ชายคนหนึ่งอายุ 20 ปีครับ พบว่าเป็นเนื้องอกในสมองซึ่งแพทย์ก็ได้ทำการผ่าตัดรักษาให้โดยที่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรเป็นพิเศษ อีก 6 ปีต่อมา เขามีอาการปวดหลัง ซึ่งแพทย์ก็คิดว่าคงจะเกิดจากอาการหมอนรองกระดูกไขสันหลังเคลื่อน จึงได้ทำการผ่าตัด แต่ปรากฎว่าจริงๆแล้วเกิดจากเนื้องอกในไขสันหลัง ซึ่งเนื้องอกเกิดแตกหรือฉีกขาด และทำให้เขาเป็นอัมพาตช่วงล่างไปเลย และแพทย์ก็ได้ศึกษาจนพบว่าเขาเป็นโรค VHL ครับ และพบว่าลูกสาวทั้งสองคนก็เป็นโรคนี้ด้วย ลูกสาวโชคดีครับที่รู้เร็วว่าเป็นโรคนี้จึงได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
เห็นมั้ยครับว่าไม่ง่ายเลยสำหรับโรคนี้ เพราะว่าอาการของโรคก็เหมือนๆกับโรคอื่นๆอีกหลายๆโรคครับ ซึ่งสำหรับวันนี้เราก็ได้ทราบอาการเหล่านั้นสองอาการแล้วนะครับ คืออย่างแรกก็ความดันสูง อย่างที่สองก็เนื้องอกในสมองครับ (ซึ่งเนื้องอกในสมองเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่จำเป็นต้องเกิดจากโรค VHL เสมอไป)
สำหรับคราวหน้าก็มีต่อนะครับ ยังมีมาให้อ่านกันอีกหลายตอน แล้วพบกันครับ สำหรับวันนี้ขอตัวไปเที่ยวก่อนครับ อย่าลืมนะครับ มีเวลาก็ต้องพักผ่อนกันบ้าง เที่ยวกันบ้างครับ ขอให้มีความสุขส่งท้ายปีเก่ากันทุกคนครับ
สวัสดีครับ
วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555
พักตรวจสุขภาพกันก่อน
ภาพจาก UCLA Health System
สวัสดีครับ
ผมหายไปเกือบเดือนเพราะว่าต้องเดินทางไปต่างประเทศครับ เวลาไปต่างประเทศก็จะไม่สะดวกที่จะเขียนบทความอะไรเพราะส่วนใหญ่ก็จะยุ่งอยู่กับการทำงานครับ วันนี้กลับมาแล้วก็เลยมีโอกาสมาเขียนกันอีกครั้ง ผมกลับมาตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาแล้วครับ แต่เพิ่งมีโอกาสมานั่งเขียนวันนี้เอง วันนี้ไปตรวจอัลตราซาวด์ที่ศิริราชมาครับ ตรวจซีสต์ทั้งหลายในช่องท้อง ว่ายังอยู่กันดีหรือเปล่า ความจริงผมแอบหวังเล็กๆว่ามันคงจะลดลงไปบ้าง แต่ก็เหมือนเดิมครับ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนัก ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะไม่ลดแต่ถ้าไม่เพิ่มขึ้นมาอย่างนี้ก็นับว่าดีแล้วครับ แต่ก็คงต้องรอไปพบหมอก่อนครับ ถึงจะบอกได้แน่นอนว่าสถาพตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ผมจะไปพบหมออีกทีวันอังคารหน้าครับ ซึ่งเป็นคุณหมอเจ้าของไข้ วันนี้ไปตรวจทั้งอัลตร้าซาวด์และเอ็กซ์เรย์ทรวงอกครับ หวังว่าพบหมออาทิตย์หน้า หมอจะบอกว่าทุกอย่างโอเค .. ฮ่าๆ ยังไงก็ต้องหวังในแง่ดีไว้ก่อนล่ะครับ
วันนี้แพทย์ที่มาตรวจอัลตราซาวด์ผมเป็นแพทย์ฝึกใหม่ คือเห็นจากหน้าตาและการตรวจครับ และก็จากการได้พูดคุยอีกนิดหน่อยด้วย คุณหมอบอกว่าพอเห็นซีสต์จำนวนมหาศาลในช่องท้องผมแล้ว ก็น่าตกใจครับ บอกว่านี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นโรค VHL คงตกใจน่าดู หลังจากที่ตรวจไปได้ระยะหนึ่งแล้ว เห็นซีสต์ที่ตับอ่อน ที่ไตข้างขวาแล้ว คุณหมอก็ชมว่าสวยมาก... หมายถึงเห็นอาการของโรคได้ชัดเจนครับ เป็นกรณีที่ควรจะมาศึกษาด้วย ผมก็เลยเล่าให้ฟังว่าตอนที่ไปผ่าตัดไตและต่อมหมวกไตก็มีนักศึกษาแพทย์มาสอบถามอาการและประวัติอยู่เหมือนกัน คงเป็นตัวอย่างที่หาได้ไม่ง่ายหรอกครับ... ก็ดีใจครับที่ตัวเราเป็นประโยชน์กับวงการแพทย์บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดีใจไปซะทั้งหมดหรอกครับ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงว่าไม่รู้ว่ามันจะมีโอกาสหายหรือเปล่า
สำหรับค่าตรวจวันนี้ ค่าอัลตราซาวด์ 1,800 บาทครับ ค่าเอ็กซ์เรย์ 270 บาท คนคอยคิวไม่มากเท่าไหร่ สบายๆ ครับวันนี้ แต่ที่ยากก็คือที่จอดรถครับ ผมออกจากบ้านที่รังสิตก่อนหกโมงเช้า ไปถึงแปดโมงครึ่งที่จอดรถตรงพื้นที่รถไฟเก่าเต็มหมดแล้ว ก็เลยขับไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมายอะไร กะว่าจะลองวนกลับมาอีกสักรอบ ก็พอดีเหลือบไปเห็นหอพักนักศึกษาแพทย์ เห็นเขียนว่าที่จอดรถด้วย ก็เลยลองเลี้ยวเข้าไปดู ก็ปรากฎว่ามีครับ แต่ต้องวนขึ้นไปบนอาคารหลายชั้นอยู่เหมือนกัน คิดค่าจอดชั่วโมงละ 10 บาทครับ ก็สะดวกดี แล้วก็นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่โรงพยาบาลอีก 15 บาทครับ จริงๆ แล้วเดินเองก็ได้ครับ ตอนกลับผมก็เดินกลับ แค่ห้านาทีเองครับ แต่ตอนไปนั้นรีบด้วยครับ เพราะใกล้เวลานัดแล้วก็เลยซ้อนท้ายพี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งพี่แกก็ซิ่งสุดยอด ผมเห็นทางแคบมากๆ พี่แกยังไปได้เลย กระจกมองข้างมอเตอร์ไซค์พี่แกก็เกือบจะชนกับกระจกมองข้างรถยนต์ที่จอดติดอยู่สองข้างทางแล้วครับ เหลือระยะห่างแค่จิ้งจกตัวผอมๆ ลอดผ่านได้แค่นั้นเอง แต่พี่แกก็ไปได้ครับ สุดยอดจริงๆ นั่งไปก็เกร็งไปครับ กลัวหัวเข่าจะชนกับรถยนต์ข้างๆ ด้วย... ก็มันดีไปอีกแบบครับ แต่ผมอยากมันแค่ครึ่งเดียว ขากลับก็เลยเดินดีกว่า ฮ่าๆ...
เอาไว้คราวหน้าจะมาเขียนกันใหม่ครับ ที่ติดไว้ก็คงจะเป็นเรื่องของอาการอื่นๆ ของโรค VHL นี้แหละครับ ตอนที่แล้วเพิ่งเขียนถึงอาการความดันโลหิตสูงไป คอยติดตามกันครับว่าคราวหน้าจะเป็นอะไร สำหรับวันนี้ขอให้สนุกกับงานกันทุกคนนะครับ สวัสดีครับ
สวัสดีครับ
ผมหายไปเกือบเดือนเพราะว่าต้องเดินทางไปต่างประเทศครับ เวลาไปต่างประเทศก็จะไม่สะดวกที่จะเขียนบทความอะไรเพราะส่วนใหญ่ก็จะยุ่งอยู่กับการทำงานครับ วันนี้กลับมาแล้วก็เลยมีโอกาสมาเขียนกันอีกครั้ง ผมกลับมาตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาแล้วครับ แต่เพิ่งมีโอกาสมานั่งเขียนวันนี้เอง วันนี้ไปตรวจอัลตราซาวด์ที่ศิริราชมาครับ ตรวจซีสต์ทั้งหลายในช่องท้อง ว่ายังอยู่กันดีหรือเปล่า ความจริงผมแอบหวังเล็กๆว่ามันคงจะลดลงไปบ้าง แต่ก็เหมือนเดิมครับ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนัก ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะไม่ลดแต่ถ้าไม่เพิ่มขึ้นมาอย่างนี้ก็นับว่าดีแล้วครับ แต่ก็คงต้องรอไปพบหมอก่อนครับ ถึงจะบอกได้แน่นอนว่าสถาพตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ผมจะไปพบหมออีกทีวันอังคารหน้าครับ ซึ่งเป็นคุณหมอเจ้าของไข้ วันนี้ไปตรวจทั้งอัลตร้าซาวด์และเอ็กซ์เรย์ทรวงอกครับ หวังว่าพบหมออาทิตย์หน้า หมอจะบอกว่าทุกอย่างโอเค .. ฮ่าๆ ยังไงก็ต้องหวังในแง่ดีไว้ก่อนล่ะครับ
วันนี้แพทย์ที่มาตรวจอัลตราซาวด์ผมเป็นแพทย์ฝึกใหม่ คือเห็นจากหน้าตาและการตรวจครับ และก็จากการได้พูดคุยอีกนิดหน่อยด้วย คุณหมอบอกว่าพอเห็นซีสต์จำนวนมหาศาลในช่องท้องผมแล้ว ก็น่าตกใจครับ บอกว่านี่ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นโรค VHL คงตกใจน่าดู หลังจากที่ตรวจไปได้ระยะหนึ่งแล้ว เห็นซีสต์ที่ตับอ่อน ที่ไตข้างขวาแล้ว คุณหมอก็ชมว่าสวยมาก... หมายถึงเห็นอาการของโรคได้ชัดเจนครับ เป็นกรณีที่ควรจะมาศึกษาด้วย ผมก็เลยเล่าให้ฟังว่าตอนที่ไปผ่าตัดไตและต่อมหมวกไตก็มีนักศึกษาแพทย์มาสอบถามอาการและประวัติอยู่เหมือนกัน คงเป็นตัวอย่างที่หาได้ไม่ง่ายหรอกครับ... ก็ดีใจครับที่ตัวเราเป็นประโยชน์กับวงการแพทย์บ้าง แต่ก็ไม่ได้ดีใจไปซะทั้งหมดหรอกครับ โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงว่าไม่รู้ว่ามันจะมีโอกาสหายหรือเปล่า
สำหรับค่าตรวจวันนี้ ค่าอัลตราซาวด์ 1,800 บาทครับ ค่าเอ็กซ์เรย์ 270 บาท คนคอยคิวไม่มากเท่าไหร่ สบายๆ ครับวันนี้ แต่ที่ยากก็คือที่จอดรถครับ ผมออกจากบ้านที่รังสิตก่อนหกโมงเช้า ไปถึงแปดโมงครึ่งที่จอดรถตรงพื้นที่รถไฟเก่าเต็มหมดแล้ว ก็เลยขับไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมายอะไร กะว่าจะลองวนกลับมาอีกสักรอบ ก็พอดีเหลือบไปเห็นหอพักนักศึกษาแพทย์ เห็นเขียนว่าที่จอดรถด้วย ก็เลยลองเลี้ยวเข้าไปดู ก็ปรากฎว่ามีครับ แต่ต้องวนขึ้นไปบนอาคารหลายชั้นอยู่เหมือนกัน คิดค่าจอดชั่วโมงละ 10 บาทครับ ก็สะดวกดี แล้วก็นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่โรงพยาบาลอีก 15 บาทครับ จริงๆ แล้วเดินเองก็ได้ครับ ตอนกลับผมก็เดินกลับ แค่ห้านาทีเองครับ แต่ตอนไปนั้นรีบด้วยครับ เพราะใกล้เวลานัดแล้วก็เลยซ้อนท้ายพี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งพี่แกก็ซิ่งสุดยอด ผมเห็นทางแคบมากๆ พี่แกยังไปได้เลย กระจกมองข้างมอเตอร์ไซค์พี่แกก็เกือบจะชนกับกระจกมองข้างรถยนต์ที่จอดติดอยู่สองข้างทางแล้วครับ เหลือระยะห่างแค่จิ้งจกตัวผอมๆ ลอดผ่านได้แค่นั้นเอง แต่พี่แกก็ไปได้ครับ สุดยอดจริงๆ นั่งไปก็เกร็งไปครับ กลัวหัวเข่าจะชนกับรถยนต์ข้างๆ ด้วย... ก็มันดีไปอีกแบบครับ แต่ผมอยากมันแค่ครึ่งเดียว ขากลับก็เลยเดินดีกว่า ฮ่าๆ...
เอาไว้คราวหน้าจะมาเขียนกันใหม่ครับ ที่ติดไว้ก็คงจะเป็นเรื่องของอาการอื่นๆ ของโรค VHL นี้แหละครับ ตอนที่แล้วเพิ่งเขียนถึงอาการความดันโลหิตสูงไป คอยติดตามกันครับว่าคราวหน้าจะเป็นอะไร สำหรับวันนี้ขอให้สนุกกับงานกันทุกคนนะครับ สวัสดีครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)