วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

ความก้าวหน้าใหม่ๆในการทดลองเพื่อหาวิธีรักษาโรค VHL ครับ ความหวังใกล้เข้ามาเรื่อยๆครับ

Eric Jonasch 
Eric Jonasch, MD, member of the VHLFA Clinical Advisory Council and Chair of the Task Force on Clinical Trials

สวัสดีตอนสายๆของวันเสาร์ครับ

ผมปวดหลังเนื่องจากกล้ามเนื้อหลังอักเสบมาสิบกว่าวันแล้วยังไม่หายเลยครับ แต่ก็ไม่อยากพลาดโอกาสในการไปหาความรู้มาแชร์ให้อ่านกันสำหรับพวกเราผู้ป่วยทั้งหลายและญาติๆหรือผู้ที่สนใจด้วยครับ วันนี้ตั้งใจจะเอาเรื่องของการศึกษาวิจัยใหม่ๆมาเขียนกันครับ และครั้งต่อไปก็จะพยายามเอาเรื่องของการศึกษาวิจัยพวกนี้มาลงให้อ่านกันอีกเรื่อยๆครับ แต่ไม่กล้ารับปากว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน เพราะว่าเนื้อหาส่วนใหญ่พอเข้าไปดูแล้วแปลยากครับ เพราะว่านอกจากจะเป็นภาษาอังกฤษแล้วยังเป็นภาษาอังกฤษทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์เข้าไปอีก... บางครั้งก็ยังมีความสามารถไม่ถึงครับ .. แฮ่ๆ

สำหรับวันนี้ผมแปลมาจากข้อเขียนของคุณอีริก(ตามรูปข้างบน)ที่เขียนไว้ที่เว็บไซต์VHLFA ครับ ซึ่งอันนี้เป็นบทนำ ยังมีรายการศึกษาอื่นๆอีกมากมายที่เขียนไว้แบบมีรายละเอียดอีกหลายหัวข้อเลยครับ แล้วจะเอามาแปลให้อ่านกันในโอกาสต่อไปนะครับ สำหรับของคุณอีริกนั้นเชิญอ่านครับ...

การทดลองทางการแพทย์ในปัจจุบันนี้หลายๆวิธีได้เน้นไปที่การหายาที่จะใช้จัดการกับเนื้องอกของหลอดเลือดอย่างหนึ่งและยับยั้งการสร้างใหม่ของหลอดเลือดอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของยาที่ว่านี้จะทำให้ได้ยาที่มีผลกระทบข้างเคียงน้อยลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ ซึ่งหวังว่าจะมีการค้นพบตัวยาดีๆรุ่นใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งสำหรับเรื่องนี้ครับ คือพบว่าผู้ป่วยแต่ละคนจะมีการตอบสนองต่อตัวยาแต่ละตัวที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้ก็จะมีประโยชน์ในการวิจัยต่อไปและค้นให้พบครับว่าอะไรเป็นอะไร (และอย่างไร)

มีรายงานการศึกษาเร็วๆนี้ระบุว่าผู้ป่วย VHL ที่ได้รับการรักษาด้วยยา Sutent (Sunitinib, Pfizer) จะมีการลดขนาดลงของมะเร็งที่ไตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลดังกล่าวได้ทำให้มีการทดลองใหม่ๆโดยการใช้ตัวยาที่คล้ายคลึงกัน คือตัวยา Votrient (pazopanib, GSK) ซึ่งได้เปิดทำการศึกษาไปเมื่อเร็วๆนี้ที่ศูนย์มะเร็ง เอ็มดี แอนเดอร์สัน (MD Anderson Cancer Center) เมืองฮุสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาครับ สำหรับผู้ป่วยที่จะได้รับการทดลองรักษาจะต้องเป็นผู้ป่วยที่พิสูจน์ทางพันธุกรรมแล้วว่าเป็นโรค VHL และมีอาการของโรคเกิดขึ้นในหลายๆแห่งของร่างกายที่สามารถตรวจพบได้ด้วยการทำ MRI หรือ CT สแกนครับ โดยผู้ป่วยจะได้รับยา Votrient เป็นเวลา 6 เดือน และจะได้รับการพิจารณาให้ทำการรักษาต่อก็ต่อเมื่อพิจารณาแล้วมีความเหมาะสมครับ โดยจะมีการสแกนร่างกายซึ่งจะกระทำ 3 ครั้ง คือก่อนได้รับยา Votrient หนึ่งครั้ง ครั้งต่อไปหลังจากได้รับยาแล้ว 3 เดือน และครั้งต่อไป 6 เดือนครับ

การศึกษาที่สองคือการทดลอง dovitinib (Novartis) สำหรับผู้ป่วยที่มีเนื้องอก Hemangioblastomas (เนื้องอกในระบบประสาทส่วนกลาง เช่นเนื้องอกในสมองส่วนหลัง ในก้านสมอง หรือที่ไขสันหลังนั่นเอง) ซึ่งการศึกษานี้ได้เปิดในเดือนตุลาคม ปี 2012 (พ.ศ. 2555) ที่ศูนย์มะเร็ง เอ็ม ดี แอนเดอร์สัน เช่นกัน ซึ่งผู้ป่วยที่จะเข้ารับการทดลองในกรณีนี้จะต้องเป็นผู้ป่วยที่มีอาการของเนื้องอกที่ระบบประสาทส่วนกลาง (hemangioblastoma) เกิดขึ้นโดยอาจจะมีอาการเนื้องอกที่อื่นๆร่วมด้วยก็ได้ การศึกษานี้มีพื้นฐานมาจากผลการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ระบุว่าผู้ป่วยคนหนึ่งซึ่งถูกใช้การระงับกระบวนการทำงานของร่างกายด้วยยา dovitinib จะมีการเร่งของการเจริญเติบโตของหลอดเลือดในระบบประสาทส่วนกลาง(hemangioblastoma)นั่นเอง ในการรักษาจะใช้เวลา 6 เดือนโดยจะมีการสแกนร่างกาย 3 ครั้งด้วยเช่นกัน

ผู้สนใจเข้าร่วมการทดลองสามารถติดต่อได้ที่คุณ Cherie Perez ที่เบอร์ 713-563-1602 ครับ อ้อ อย่าลืมกดรหัสประเทศของอเมริกาด้วยนะครับ

เห็นมั้ยครับว่าอันที่จริงแล้วการทดลองและศึกษาวิจัยเพื่อหาหนทางในการรักษาโรคนี้นั้นมีการทำอยู่ตลอดเวลาซึ่งถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถค้นพบในตอนนี้แต่ก็มีความก้าวหน้าขึ้นทีละเล็กละน้อยนะครับ ความสำเร็จคงจะมีแน่ๆในอนาคต หวังว่าการค้นพบจะเกิดขึ้นในยุคเราๆนี่นะครับ หรืออย่างน้อยก็ขอให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้ใช้กันก็ยังดี

แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ

วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2556

สงกรานต์ 2556 เที่ยวไป เที่ยวไป...

สวัสดีปีใหม่ไทยครับ

วันนี้ได้หยุดพักผ่อนอยู่กับบ้านหลังจากที่เดินทางในช่วงสงกรานต์ไปพันกว่าโล เที่ยวบ้าง ทำภารกิจบ้าง ก็สนุกสนานกันไป เหนื่อยกันไปนิดหน่อยครับ ตั้งแต่เริ่มปวดหลัง (สงสัยกระดูกหลังยอกตรงก้นกบ) จนกลับมาบ้านอีกครั้งหกคืนเจ็ดวัน แต่แค่เกือบหายปวดหลังครับ ยังไม่หายดีเลย นั่งเขียนบล็อกไปก็เจ็บๆเป็นระยะๆไป แต่ก็อยากเขียนครับ ไปเที่ยวสงกรานต์คราวนี้มีอะไรให้จดจำเยอะครับ โดยเฉพาะคราวนี้ถึงแม้จะเป็นการเดินทางที่ยาวไกลแต่ไม่เหนื่อยมากเหมือนทุกครั้งที่เดินทางไกลๆเลยครับ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่าผมตั้งใจขับรถแบบไปเรื่อยๆ ไม่รีบครับ ขับแบบสบายๆ ไม่เกิน 120 แต่ส่วนใหญ่ก็แค่ 110 ครับ ถึงแม้จะขับไกลและนานแต่ก็ไม่รู้สึกว่าไกลสักเท่าไร

เช้าวันที่ 14 เมษา 56 ไปทำบุญที่วัดใกล้บ้านที่สรรคบุรีชัยนาทครับ เช้าวันนั้นคนที่วัดไม่ค่อยมาก ส่วนใหญ่คงจะอยู่ที่บ้านกันเพราะเป็นช่วงสงกรานต์ เข้าใจว่าคนส่วนใหญ่คงอยู่บ้านกับญาติพี่น้องที่กลับบ้านกันในวันสงกรานต์ หลายๆ บ้านก็มักจะทำบุญที่บ้านกันด้วย คนก็เลยบางตา ไม่เต็มศาลาวัดเหมือนงานบุญคราวก่อนๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังถือว่าคนมาทำบุญเยอะพอสมควรเลยครับ ข้าวปลาอาหารที่นำมาถวายพระก็เต็มจนแทบไม่มีที่วางสำรับกันเหมือนเดิม

อากาศที่นั่นในวันนั้นก็ไม่ร้อนมากนัก มีเมฆลอยมาหลอก (ว่าฝนจะตก) อยู่เกือบเต็มท้องฟ้า แต่ก็แค่หลอกๆครับ ฝนก็ไม่ยอมตกสักที แต่นั่นก็พอที่จะทำให้อากาศไม่ร้อนจนเกินไปครับ ยังพอนอนเปลญวนผูกใต้ต้นไม้ได้ในตอนบ่ายแก่ๆที่แดดร่มลมตกบ้างแล้ว

จากบ้านญาติทางภรรยาก็ไปบ้านญาติทางสามีกันที่เพชรบูรณ์กันบ้าง ปีนี้ก็เหมือนเดิม พี่ๆน้องๆ พากันกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่เยอะเหมือนเดิมครับ เช้าวันที่ 15 เราก็ทำการรดน้ำขอพรพ่อแม่ รวมทั้งให้พรพ่อแม่ด้วย ที่จริงแล้วตามธรรมเนียมอาจจะต้องเป็นผู้ใหญ่เท่านั้นที่ให้พรเด็กๆ ลูกๆหลานๆ แต่เราก็อยากที่จะให้พ่อแม่มีความสุขมีอายุยืนด้วย ลูกๆก็เลยอวยพรให้พ่อกับแม่ด้วยครับ ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนๆ อยู่กับพวกเราไปนานๆ เท่าที่จะนานได้ครับ พอไหว้พ่อแม่ที่บ้านเสร็จ ก็ไปไหว้กระดูกแม่ที่ฝังอยู่ที่ป่าช้าในวัดป่าใกล้บ้าน ซึ่งก็ทำเป็นประจำทุกปีครับ เวลาไปไหว้ก็จะซื้อกาแฟเย็นใส่กระติกน้ำแข็งไป เอาดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้ด้วย จุดธูปแล้วรอจนธูปไหม้หมดก็ลากลับ ลืมบอกไปว่าแม่ผมมีหลายคนครับ ตอนนี้แม่ที่อยู่ที่บ้านทั้งสองคนเป็นแม่เลี้ยง ซึ่งลูกเลี้ยงทุกๆคนก็รักเหมือนแม่จริงๆ เพราะแม่เลี้ยงมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆกันอยู่ครับ ส่วนแม่จริงนั้นเสียตอนที่ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆอยู่เลย ตอนนั้นเพิ่งสามขวบครับ ก็เกือบสี่สิบปีมาแล้ว

จากเพชรบูรณ์ก็ไปมหาสารคามครับ ไปที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ไปเยี่ยมที่ศูนย์บรรพชีวินวิทยา ภาควิชาชีววิทยาครับ มีกระดูกไดโนเสาร์และพวกเต่า ปลาโบราณเยอะแยะเลย เราแวะกินขนมจีนเส้นสดกันที่นั่น อร่อยมากครับ มีผักสดแกล้ม แล้วก็มีแกงต่างๆกินกับขนมจีนเยอะแยะเลย ไปอิสานคราวนี้ได้ลองกินแกงผักหวานใส่ไข่มดแดงด้วยครับ ผมอยากลองกินไข่มดแดงอีกสักครั้งหลังจากที่เคยกินครั้งสุดท้ายไปเมื่อตอนเป็นเด็ก รสชาติก็ไม่เหมือนเดิมหรอกครับเพราะว่าอาหารที่เคยกินตอนเป็นเด็กนั้นมันคงเป็นคนละแบบ คงไม่ใช่แกงผักหวานเหมือนคราวนี้ คราวนี้ที่อยากกินเพราะว่าพอนึกถึงตอนเป็นเด็กแล้วมันอร่อยครับ เคยมั้ยครับที่เวลานึกถึงอาหารที่เราเคยกินตอนเป็นเด็กแล้วรู้สึกว่ามันอร่อยทุกอย่างเลย... แค่ไข่ดาวก็อร่อยมากแล้วครับ แต่พอโตขึ้นมาทำไมรสชาติมันไม่เหมือนเดิมก็ไม่รู้...

ออกจากมหาสารคามคราวนี้เดินทางเหนื่อย (นิดหน่อย)เลยครับ เพราะต้องเข้าถนนมิตรภาพมุ่งหน้ามาอำเภอพล แล้วต่อมาที่โคราชเพื่อที่จะไปที่พักรีสอร์ทช่วงต้นๆของถนนธนะรัชต์ทางขึ้นเขาใหญ่ครับ ระยะทางประมาณสามร้อยกิโลครับ ใช้เวลาไปทั้งหมดสิบชั่วโมง รถเยอะมากครับ เยอะมากๆ เพราะเป็นช่วงกลับบ้านหลังสงกรานต์กัน ถึงที่พักเที่ยงคืนครึ่งครับ แต่ยังไงผมก็ยังรู้สึกดีครับ ถึงแม้รถจะติดมากมาย ที่ยังรู้สึกดีก็เพราะว่าทุกคนปลอดภัยและยังสนุกได้กับการเดินทางครับ ที่พักที่เราจองไว้ก็ดีเยี่ยม ตอนที่ไปถึงฝนเพิ่งหยุดตกด้วย ทำให้รู้สึกเย็นสบายมากๆ คืนนั้นเราหลับกันด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและหลับง่ายกันทุกคนครับ ฮ่าๆ

ตื่นเช้ามากินอาหารเช้ากันในรีสอร์ทริมลำธาร มีกังหันวิดน้ำอันใหญ่หมุนไปตามแรงน้ำอยู่ตลอดเวลา เสียงนกร้อง บวกกับสายลมที่พัดมาเป็นระยะๆทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากๆเลยเชียวครับ ที่รีสอร์ทยังมีมุมให้นั่งพักสบายๆ ประกอบกับเป็นวันธรรมดาครับ คนก็เลยไม่เยอะ มีคนมาพักอยู่สองสามครอบครัว ก็เลยยิ่งรู้สึกดีครับ บรรยากาศเหมาะกับการพักผ่อนมาก เดินเล่นไปก็มีห่านฝูงเล็กๆ สีขาวเดินผ่านไป มีแมลงทั้งด้วงปีกแข็ง มด มีหอยทากและกิ้งก่าอยู่เป็นเพื่อนด้วย... ดีเยี่ยมครับ

วันสุดท้ายของการเดินทางเที่ยวนี้เราไปแวะกันที่ตลาดน้ำกลางดง หรือที่สวนซ่อนศิลป์ครับ ที่นี่เป็นสวนที่มีร้านกาแฟ มีร้านให้ทำกิจกรรมวาดรูป มีร้านไอศกรีม และอีกมากมายให้ชมและให้รับประทานท่ามกลางป่า (แมกไม้) ครับ เดินชมไปกินไปซื้อไปฟังเสียงน้ำไหลไปด้วย เผลอไปแป๊บเดียวหมดไปเลย 4 ชั่วโมงแบบไม่รู้ตัวครับ เที่ยวที่นี่ได้ทั้งเพลิดเพลิน พักผ่อนและได้แรงบันดาลใจด้วยครับ เยี่ยมไปเลย...

กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยและอย่างมีสไตล์ครับ มีสไตล์เพราะว่าทุกคนมีความสุข ได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ครับ

แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ

วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2556

เนื้องอกในตับอ่อนทำให้คลื่นใส้ อาเจียน หรือไม่

สวัสดีครับ

มีคนที่เป็นเนื้องอก (tumor) ในตับอ่อนได้สอบถามจากผู้ที่มีประสบการณ์ว่าการมีเนื้องอกที่ตับอ่อนจะทำให้เกิดการเจ็บปวด หรือคลื่นใส้อาเจียนได้หรือไม่ ซึ่งคนที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็ได้เล่าประสบการณ์ให้ฟังว่ามีทั้งเจ็บปวดอย่างมาก รวมทั้งคลื่นใส้อาเจียนร่วมด้วยได้ครับ มีคนหนึ่งเล่าว่าสาเหตุของตัวเองเกิดจากการที่เนื้องอกไปขวาง (block)ทางเดินของน้ำย่อยที่ผลิตจากตับอ่อนนั่นเอง จนทำให้เกิดการอักเสบของตับอ่อนขึ้น และทำให้เกิดอาการดังกล่าว

สำหรับการตรวจนั้นต้องทำการตรวจเลือดเพื่อหาระดับของน้ำย่อย Lipase ครับ ซึ่งเป็นน้ำย่อยที่ทำหน้าที่ย่อยไขมันครับ สำหรับรายละเอียดเรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เค้าไม่ได้อธิบายไว้ครับ คงต้องไปพบแพทย์แล้วเล่าอาการอย่างละเอียดให้แพทย์ฟังครับ ส่วนหนึ่งที่แพทย์ต้องทำคือต้องทำการระงับอาการปวดให้คนไข้ครับ เพราะเค้าบอกว่าจะเจ็บปวดมาก แต่ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันต้องเป็นถึงระดับไหนถึงจะมีอาการปวด เพราะตัวผมเองก็มีเนื้องอกที่ตับอ่อนเช่นกัน แต่ก็ไม่มีอาการปวดใดๆ (และหวังว่าจะไม่มีอาการที่ว่านั้นในอนาคตด้วยครับ ...) จะมีผลต่อเนื่องก็แค่เป็นเบาหวานเท่านั้นเอง

แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดีครับ