วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เวลาที่ผ่านไป

                         
ภาพจาก news.discovery.com


สวัสดีครับ

เช้าวันเสาร์กับบรรยากาศสบายๆอีกแล้ว ช่วงนี้หน้าฝนครับ อากาศกำลังดี เย็นชุ่มฉ่ำเวลามีฝนตก ยิ่งเวลามีลมพัดมาด้วยแล้วละก็... เป็นความสุขอย่างบอกไม่ถูกเลยนะครับ

เมื่อวานนี้ที่ทำงานผมมีงานเลี้ยงส่งพนักงานเกษียณคนหนึ่งครับ พี่คนที่เกษียณท่านเป็นคนดีที่ทุ่มเทให้กับงานมาก เป็นคนที่ทำงานตรงไปตรงมา ก็เลยมีคนรักมาก มีเพื่อนๆ พนักงานมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมากครับ เห็นท่านก็มีความสุขดีที่ได้ทุ่มเทมานานจนถึงวันนี้ วันที่ถึงเวลาเกษียณแล้ว ก็เป็นแบบอย่างที่ดีครับ สำหรับคนทำงานที่จริงจังและจริงใจ แล้วก็ทำให้นึกถึงตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน นึกถึงตรงที่ว่าวันเวลามันผ่านไปอย่างรวดเร็วครับ เพียงไม่นานหลังจากเรียนจบก็พบว่าตัวเองทำงานมาได้เกือบยี่สิบปีเข้าไปแล้ว และเหลือเวลาอีกไม่นานก็คงจะต้องเกษียณเหมือนกัน จะว่าไปชีวิตมันก็ดูสั้นๆนะครับ ไม่ยาวอย่างที่เคยคิด โดยเฉพาะตอนที่ยังเด็กๆ หรือวัยรุ่น ตอนนั้นนี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเราจะแก่ และนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าถ้าเราแก่แล้วมันจะเป็นยังไงนะ...

ชีวิตมันสั้นครับ แต่ก็ยาวเพียงพอสำหรับที่จะให้เราทำอะไรๆ อีกหลายๆ อย่างนะครับ

เอาวิชาการนิดนึงละกันครับ เค้าบอกว่าด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นในทางการแพทย์ วงการอาหารและยา และอื่นๆ ได้ทำให้คนที่เป็นโรค VHL นี้มีอายุขัยโดยเฉลี่ยยาวขึ้นอีกประมาณ 17 ปีครับ อันนี้คงเทียบกับเมื่อก่อน หรือในศตวรรษก่อนหน้านี้นะครับ ซึ่งก็เป็นข่าวดีและทำให้เรามีความหวังมากขึ้นไปเรื่อยๆที่จะได้หายขาดจากโรคนี้กันเสียที เหมือนกับป่วยแล้วไปซื้อยากินแล้วก็หายอะไรประมาณนั้น.. คงไม่หวังมากเกินไปใช่ไหมครับ ฮ่าๆ

ผมว่าสำหรับเรื่องของการรักษาโรคนี้นั้น ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขก็เป็นเรื่องที่ทำได้แน่ๆ ครับ โดยเฉพาะถ้าเรามีความสงบภายในใจแล้วละก็ ผมว่าเรื่องความเจ็บป่วยทางกายก็เป็นเรื่องเล็กๆ นะครับ ผมมั่นใจว่า ธรรมะ คำสอนต่างๆ และความศรัทธาในศาสนาของท่านที่นับถือไม่ว่าจะเป็นศาสนาอะไรก็ตาม จะช่วยทำให้ทุกท่านมีความสุขและความสงบในใจได้อย่างแน่นอน และนั่นก็คือความสุขที่แท้จริงครับ

ขอให้สนุกกับวันนี้กันทุกคนนะครับ สวัสดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ข้อมูลล่าสุดของโรค VHL ในขณะนี้ (ส.ค. 2555)

สวัสดีครับ

ผมเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟครับ จริงๆ แล้วชอบบรรยากาศของการดื่มมากกว่า โดยเฉพาะถ้าได้นั่งในบรรยากาศที่สวยงาม สบายๆ และอากาศเย็นๆ ละก็... เพลินเลยนะครับ ภาพนี้เป็นภาพที่ถ่ายจากรีสอร์ทแห่งหนึ่งในอำเภอเวียงป่าเป้า เชียงรายครับ อากาศดีมากในตอนเช้า และก็ได้จิบกาแฟจากถ้วยตราไก่ซะด้วย ไก่แบบที่คุ้นเคยมากๆนี่แหละครับ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าหลายๆ คนคงจะเคยเห็นเจ้าไก่หางสวยอย่างนี้ข้างๆ ถ้วยเซรามิคจากเชียงรายหรือลำปางกันมาแล้วแน่ๆ ดูน่ารักดีครับ แล้วก็รู้สึกได้ถึงความเป็นไทยที่ดูเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์อยู่ในตัวนะครับ

ช่วงที่ผ่านมาผมพยายามติดตามและค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ที่อาจจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านที่เป็นโรคนี้ หรือมีญาติที่เป็นนะครับ นี่เป็นความตั้งใจเดิมตอนที่เริ่มเขียนบล็อกครับ แต่พบว่าถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะก้าวหน้ามากขึ้นเพียงไร แต่กับโรคนี้การรักษาให้หายขาดก็ยังไม่มีทางครับ ในอเมริกา วงการแพทย์เค้าคาดว่าน่าจะค้นพบวิธีการรักษาได้ในปี ค.ศ. 2025 หรือปี พ.ศ. 2568 โน่นครับ หรืออีก 13 ปีข้างหน้า... โอ้โห... นานน่าดูเลยนะครับ แต่ถึงจะนานผมก็ยังรู้สึกดีอยู่ดีถ้าลูกหลานเราข้างหน้าจะได้มีโอกาสหายขาดจากโรคนี้ได้ สมัยก่อนนี้สิครับแย่ เพราะผู้ป่วยและญาติเองก็ยังไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองเป็นโรคอะไร อย่างกรณีคุณแม่ผมเอง ซึ่งผมได้เอาชื่อย่อมาตั้งเป็นชื่อบล็อกนี้ด้วย ก็เสียชีวิตจากเนื้องอกในสมองนี่แหละครับ ที่จริงแล้วมาสันนิษฐานเอาทีหลังว่าน่าจะเกิดจากโรคนี้ เพราะทราบว่าโรคนี้เกิดจากพันธุกรรม และพวกลูกๆ ซึ่งก็คือผมและพี่ๆน้องๆ ของผมเอง ก็พากันเป็นโรคนี้และเข้ารับการผ่าตัดกันเป็นว่าเล่น ทั้งสมอง และที่อวัยวะส่วนอื่นๆ เช่น ไต เป็นต้นครับ จำได้ว่าตอนนั้นคุณแม่ปวดหัวมาก ปวดอยู่นานสองสามชั่วโมงจนทนไม่ได้และเสียชีวิตไปในที่สุดครับ พอดีครอบครัวเราตอนนั้นอยู่บ้านนอกที่ห่างไกลครับ และก็ไม่มีใครมีความรู้อะไรเลย เข้าใจกันว่าปวดธรรมดา กินยาแล้วเดี๋ยวก็คงหาย ...แต่ไม่ใช่ครับ

วงการแพทย์คาดว่าการรักษาโรคนี้น่าจะค้นพบจากการศึกษาเรื่องของพันธุกรรมครับ (genetic study) ซึ่งในอเมริกาและยุโรปมีความก้าวหน้าในเรื่องนี้มากกว่าบ้านเรา แต่จริงๆ แล้วเท่าที่ผมทราบมาบ้าง ที่โรงพยาบาลศิริราช (มหาวิทยาลัยมหิดล) ก็มีหน่วยงานที่ทำการวิจัยเรื่องยีนกันอย่างจริงจังอยู่นะครับ แน่นอนว่าเค้าสามารถตรวจหายีนโรคนี้ในคนป่วยที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ได้เลยครับ ... ยอดเยี่ยมมาก ใช่ไหมครับ

สำหรับวันนี้เอาตัวเลขมาเขียนไว้อีกทีละกันครับ สำหรับสถิติต่างๆ ซึ่งที่จริงในบทความก่อนหน้านานมาแล้วผมก็ได้เขียนไว้บ้างแล้ว ก็คือ เค้าบอกว่าโรคนี้เป็นหนึ่งในโรค 7,000 ชนิด ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมครับ และมีผู้ป่วยทั้งหมดประมาณ 1 คน ในจำนวนประชากร 32,000 คนครับ เห็นตัวเลขอย่างนี้ก็แน่นอนเลยว่าในเมืองไทยเองที่มีคนอยู่ทั้งหมดหกสิบกว่าล้านคน ต้องมีคนเป็นโรคนี้เยอะแยะแน่ๆ ดังนั้นเราจึงไม่เหงาอีกต่อไปครับ... ฮ่าๆ ตลกแบบเศร้าๆนะครับเนี่ย... และในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด 100เปอร์เซนต์ จะมีคนป่วยที่เกิดจากยีนมีการผ่าเหล่า (mutation) 20เปอร์เซนต์ ส่วนที่เหลืออีก 80เปอร์เซนต์เกิดจากพันธุกรรม คือพ่อหรือแม่เป็นโรคนี้แล้วถ่ายทอดมายังลูกหลานครับ

ยังไงก็ยังต้องหวังกันต่อไป สำหรับวันนี้ขอให้มีความสุขหลับฝันดีกันทุกคนนะครับ ฝนตกปรอยๆ อย่างนี้คงหลับสบายกันทุกคน สวัสดีครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ครอบครัวตัว "วี" (VHL)

Photo: Giraffes crossing grassy plains in Namibia
nationalgeographic.com

สวัสดีวันอาสาฬหบูชา 2555 ครับ

ไม่ได้เขียนในบล็อกนานแล้วเหมือนกันครับ มีเรื่องราวอะไรมากมายเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาหลายเรื่องเหมือนกัน และผมก็อยากจะเอามาเขียนให้อ่านกันในวันนี้นะครับ

ผมเพิ่งไปพบแพทย์ที่ศิริราชเพื่อตรวจเนื้องอกในตาทั้งสองข้างตามที่หมอนัดมาครับ ไปเมื่อวานนี้เอง เมื่อวานนี้โชคดีนิดนึงครับที่ไปเจอพี่ชายที่โรงพยาบาลด้วย ไม่ได้นัดกันครับ แต่บังเอิญหมอนัดตรงกัน เมื่อวานนี้คนไข้เยอะเหมือนกัน เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีคนไข้ประมาณหกร้อยกว่าคน และบอกให้คนไข้ทั้งหลายที่ใจร้อนและคอยไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่าถึงคิวของตัวเองหรือยัง ให้ใจเย็นๆ ไม่ต้องคอยมาถาม เพราะว่าเจ้าหน้าที่เหนื่อยครับ ก็น่าเห็นใจครับ เพราะคนไข้เยอะมาก และถ้าทุกคนคอยมาถาม เจ้าหน้าที่ก็คงวุ่นน่าดู แต่ไม่ว่าคนไข้จะเยอะอย่างไร เท่าที่ผมเห็นที่โรงพยาบาลศิริราชนี้ เค้ามีวิธีการจัดการที่ดีมากครับ ไม่มีการมั่วแต่อย่างใด ทุกคนจะได้รับการบริการตรวจ รักษา จ่ายเงิน รับใบนัดตามคิวครับ ดังนั้นถ้าเราใจเย็น ๆ และคอยเจ้าหน้าที่เรียกชื่อ ก็สบายครับ ได้รับการตรวจแน่นอน ถึงแม้ว่าบางครั้งจะนานหน่อยก็ตาม

เมื่อวานที่ผมไปตรวจเป็นการติดตามว่าเนื้องอกที่พบว่าเริ่มมีรอยนูนๆ เล็กๆ ปรากฎขึ้นมาบ้างแล้วจากการตรวจคราวก่อนนั้น มันจะโตขึ้นหรือเปล่า ถ้าโตขึ้นหมอก็อาจจะต้องนัดให้มายิงเลเซอร์รักษาครับ โชคดีที่พบว่ามันไม่โตขึ้นครับ ก็เลยโล่งใจไปอีกวัน พี่ชายผมก็ปกติดีครับ วันนี้เราก็เลยกลับบ้านกันอย่างสบายใจ แต่หลานสาวผมนี่สิครับ โดนยิงเลเซอร์ไปแล้ว

ลูกสาวของพี่สาวครับ เพิ่งไปเข้ารับการรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ที่ตาขวามาเมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมานี่เอง เพราะว่าเนื้องอกมันโตขึ้นครับ หมอใช้วิธีการยิงเลเซอร์ไปจัดการกับเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงเจ้าก้อนเนื้อนี้ครับ คือพอเจ้าเส้นเลือดหลักที่ไปเลี้ยงก้อนเนื้อนี้ตายไป ก้อนเนื้อก็จะไม่มีการเจริญเติบโตต่อ เพราะขาดการหล่อเลี้ยง สุดท้ายก็คงยุบตัวไปเองครับ

ครอบครัวเราก็เลยเป็นขาประจำของโรงพยาบาลศิริราชเพราะสาเหตุอย่างนี้นี่แหละครับ

สำหรับเรื่องแนวทางการรักษาโรค VHL นั้น ล่าสุดก็ยังไม่มีการค้นพบวิธีการรักษาแต่อย่างใด ส่วนแนวทางการวิจัยก็เท่าที่ทราบก็จะเป็นแนวๆเดียวกับพวกโรคมะเร็งนั่นแหละครับ เพราะเป็นลักษณะของการเกิดเนื้องอกเนื่องจากการเจริญผิดปกติของเนื้อเยื่อเหมือนๆกัน ต่างกันตรงชนิดของก้อนเนื้อและผลของมันเท่านั้นเองครับ

คราวหน้าจะไปค้นข้อมูลมาให้อ่านกันใหม่นะครับ สำหรับวันนี้ขอให้ทุกคนมีความสุขกับวันอาสาฬหบูชา ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นวันพระใหญ่วันหนึ่งของชาวพุทธเราครับ สวัสดีครับ